นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวในงานสัมมนาทิศทางเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง จัดโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ว่า เอกชนกำลังกังวลต่อปัญหากฎหมายศุลกากร Trade Facilitation and Trade Enforcement Act of 2015 (TFTEA) ที่สหรัฐอเมริกาต้องการบังคับใช้กับสินค้าที่ส่งเข้าไปยังสหรัฐฯ ว่าต้องไม่บังคับใช้แรงงานขัดหนี้ หมายถึงสินค้าที่ผลิตต้องไม่ใช้แรงงานที่จัดหามาด้วยการจ่ายเงินล่วงหน้าเพื่อให้ได้แรงงานมา แล้วมาหักในค่าจ้างภายหลังโดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานต่างด้าว อีกส่วนคือแรงงานนักโทษซึ่งที่ผ่านมารัฐจะส่งเสริมการฝึกอาชีพแล้วผลิตสินค้ามาขายสหรัฐฯ
“ตามกฎหมายของไทยมีแรงงานต่างด้าวและมีค่านายหน้าที่ผู้ประกอบการออกให้ก่อน ซึ่งกลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มจะใช้มาก หากมีร้องเรียนว่าสินค้านำเข้าอยู่ในขอบข่ายใช้แรงงานต้องห้ามจะถูกกักสินค้าใช้เวลาพิสูจน์นาน ดังนั้นต้องเตรียมตัวรับมือไว้ก่อน เพราะอาจกระทบมากกว่าการค้ามนุษย์ที่ไทยโดนสหรัฐจัดให้อยู่ในกลุ่มที่ 2 บัญชีรายชื่อประเทศที่ต้องจับตามอง (เทียร์2) เนื่องจากครอบคลุมเกือบทุกอุตสาหกรรม”
นายวัลลภกล่าวว่า สำหรับการส่งออกทั้งปีคาดว่าจะอยู่ในช่วง ลบ 2-0% ครึ่งปีหลังการส่งออกจะฟื้นตัวได้เล็กน้อยจากครึ่งปีแรกที่ติดลบ 1.59% แต่ไทยถือว่ามีการติดลบน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะต้องติดตามคือค่าเงินบาทที่เริ่มแข็งค่ามาอยู่ระดับ 34.70 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ซึ่งเอกชนต้องการเห็นการแข็งค่าที่เกิดจากภาวะการผลิตที่แท้จริงมากกว่าและหากเป็นไปได้ต้องการเห็นค่าเงินบาทอยู่ไม่ต่ำกว่า 34.50 บาทต่อเหรียญฯ
