นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม สำนักงาน กสทช. ได้เชิญตัวแทนจากกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมทั้งผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 5 ราย ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส, บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค, บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) มาหารือเพื่อหาแนวทางป้องกันและเฝ้าระวังเรื่องต่างที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานแอพพลิเคชั่นเกม “โปเกมอน โก” ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากจากคนไทยในขณะนี้ โดยภายหลังจากที่ประชุมทุกฝ่ายได้มีข้อตกลงร่วมกันใน 3 เรื่อง ประกอบด้วย 1.ในเรื่องความปลอดภัย ทาง กสทช.จะขอให้ทางทรู ช่วยยกร่างหนังสือ ในการระบุสถานที่ ที่ไม่เหมาะสม หรือการจัดการโซนนิ่ง ในการเล่นเกม โปเกมอน โก ได้แก่ ถนน ทางรถไฟ คูน้ำ คลอง ที่ราบเชิงเขา ศาสนสถาน โรงเรียน โรงพยาบาล สถานที่ราชการ และที่ส่วนบุคคล เป็นต้น โดยขอให้ทรูนำส่งร่างหนังสือดังกล่าวมาให้ กสทช. ใน 3 วัน จากนั้น กสทช. จะลงนามและเป็นผู้ส่งต่อและเจรจากับบริษัท ไนอานติค จากประเทศสหรัฐอเมริกา ในฐานะผู้พัฒนาและให้บริการเกม โปเกมอน โก โดยเร็วที่สุด
ประเด็นที่ 2 ในที่ประชุมมีความเห็นร่วมกัน คือ ทั้งผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 5 ราย จะมีการจัดทำคู่มือการเล่นเกมโปเกมอนโก ออกเผยแพร่ภายใน 3 วัน โดยเป็นการแนะนำการใช้งานทั้งในส่วนของเด็กและผู้ปกครอง และ 3.การคุ้มครองผู้บริโภค จากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว (บิลช็อก) จากการใช้เงินจริงที่เพิ่มเติมจากค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปซื้อไอเทมในเกม โดยจากการหารือเบื้องต้น พบว่ามีผลที่น่าพอใจพอสมควร ซึ่งผู้ประกอบการที่อนุญาตให้มีการคิดเงินการซื้อไอเทมในเกมดังกล่าวลงในค่าโทรศัพท์มีเพียง เอไอเอส และดีแทค ทั้งนี้ เอไอเอสได้แจ้งแล้วว่า จะมีการกำหนดวงเงินในการซื้อไอเทมที่ 1,000 บาทต่อวัน สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาทต่อเดือน รวมทั้งจะมีเอสเอ็มเอสแจ้งเตือนผู้ใช้งานหรือผู้ปกครองของผู้ใช้งานทุกที่เป็นเด็กครั้ง ส่วนดีแทคจะมีการกำหนดวงเงินสูงสุดต่อเดือนที่ 8,000 บาท และจะมีการส่งเอสเอ็มเอสแจ้งผู้ใช้งาน และผู้ปกครองของผู้ใชงานที่เป็นเด็กทุกครั้งเช่นกัน
