ภ.1กวาดล้างยาเสพติดอื้อ-ยึดเงินติดสินบน1.2 ล. ยึดทรัพย์15 ล. – ผบช.เผยมีบัตรประชามติหาย1ใบ

เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ที่ห้องประชุมอมรภิวัฒน์ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ภ.1 พร้อม ฝ่ายปกครอง ป.ป.ส. ร่วมกันแถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมระหว่างวันที่ 11 กรกฎาคม-10 สิงหาคม พร้อมของกลางอาวุธปืน ยาเสพติด รถยนต์ รถ จยย.จำนวนมาก

พล.ต.ท.ชัยวัฒน์กล่าวต่อว่า ส่วนการระดมกวาดล้างอาชญากรรมและยาเสพติดสามารถจับกุมตรวจยึดอาวุธปืน 396 กระบอก จับกุมคดียาเสพติด 2,161 ราย พร้อมของกลางยาบ้า 118,258 เม็ด ยาไอซ์ 1,433 กรัม ยาเค 57.7 กรัม เฮโรอีน 2,261 กรัม กัญชา 13.19 กิโลกรัม กระท่อม 34.5 กิโลกรัม ขยายผลตรวจยึดทรัพย์สินมูลค่า 25,771,166 บาท จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่า 486 หมาย ผู้ต้องหา 451 คน จับกุมผู้ต้องหาคดีอื่นๆ 767 ราย ผู้ต้องหา 1,840 คน มีคดีสำคัญ 4 คดี

คดีแรกเมื่อวันที่ 4-5 สิงหาคมในเขตท้องที่ สภ.อุทัย และ สภ.บางปะอินได้จับกุมนายเมธาศิษฐ์ หรือดรีม หรือกร ชูโรจน์สิริกุล พร้อมยาบ้า 11,600 เม็ด ตรวจยึดเงินสินบน 1.2 ล้านบาท ยึดทรัพย์สิน 5.3 ล้านบาท ทั้งนี้สืบเนื่องจากการจับกุมผู้ค้ารายย่อย และได้สืบสวนขยายผลต่อไปสู่ผู้ค้ารายใหญ่จนนำไปสู่การจับกุมนายเมธาศิษฐ์ พร้อมของกลางดังกล่าว ต่อมานายเมธาศิษฐ์แจ้งชุดจับกุมหลังได้พูดคุยโทรศัพท์ว่านายวรพจน์ ได้เสนอเงิน 1 ล้านบาท เพื่อให้ปล่อยตัว แต่ชุดจับกุมได้ปฏิเสธข้อเสนอ นายเมธาศิษฐ์จึงได้โทรติดต่อญาติเพื่อแจ้งเหตุที่ถูกจับกุมคือ น.ส.พรนภาหรือฝ้าย ภาคย์สุภาพ ซึ่งเป็นภรรยา ก่อนที่นายเมธาศิษฐ์ได้ส่งโทรศัพท์ให้อาสา ขณะนั้นมีนายวรพจน์หรือแด๊ะโทรศัพท์เข้ามาประชุมสาย เพื่อเสนอเงินให้เจ้าหน้าที่จำนวน 1.2 ล้านบาท แลกกับการปล่อยตัวและไม่ดำเนินคดี เจ้าหน้าที่จึงวางแผนจับกุม โดยนัดจุดส่งมอบเงินจากนั้นให้ น.ส.พรนภา และนางณัฐธยาน์ มารดาของนายเมธาศิษฐ์ไปรับเงิน เพื่อนำเงินมาให้เจ้าหน้าที่ที่ห้างโลตัส โรจนะ เจ้าหน้าที่จึงพาภรรยาและมารดาของนายเมธาศิษฐ์ไปยังจุดนัดพบ เพื่อรอจับกุมตัวผู้ที่จะนำเงินมามอบให้ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ ป.ป.ส. กระจายกำลังอยู่โดยรอบ ต่อมาเวลา 13.30 น. นายชาลีหรือศิวนัด ตรีมงคล ได้ขับรถยนต์แจ๊ซสีขาว ฝากระโปรงสีดำ ทะเบียน กพ 6306 พระนครศรีอยุธยา เข้ามาที่ห้างโลตัส โรจนะ และได้เรียก น.ส.พรนภาให้ไปรับเงิน 1.2 ล้านบาทที่รถยนต์ โดยได้ลงมาจากรถ ก่อนที่จะขับรถออกไปด้วยความเร็วทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถสกัดจับและติดตามได้ทัน ต่อมาจึงตรวจสอบว่าเงินสินบนดังกล่าวมาจากที่ใด และผู้ใดเกี่ยวข้องกับคดีบ้าง จะได้ทำการขยายผลจับกุมและยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องต่อไป

ก.3

Advertisement

คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ในท้องที่ สภ.แก่งคอย จ.สระบุรี จับกุม น.ส.วัลยา บ้านมิ้น ภรรยานายประนอม ศรีสุข คนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงตำรวจ สภ.แก่งคอยเสียชีวิต ในข้อหาสมคบกันเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จากกรณีที่ ด.ต.อรรณพ เครืออนันต์ ผบ.หมู่งานสืบสวน สภ.แก่งคอย ได้ขยายผลล่อซื้อยาบ้าจากนายประนอม แต่คนร้ายไหวตัวทันยิงปืนใส่ ด.ต.อรรณพบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยนายประนอมได้หลบหนีไป จนกระทั่งวันที่ 29 กรกฎาคม นายประนอม ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฯที่วัดตาดบน อ.แก่งคอย จ. สระบุรี ขณะลงจากเขาตอนกลางคืนและพยายามหลบหนีและยิงปืนใส่ตำรวจชุดติดตามจับกุม ต่อมาได้ขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้องโดยได้จับกุม น.ส.วัลยา ภารรยาของนายประนอม ตามหมายจับศาลจังหวัดสระบุรี ที่ 364/2559 ลงวันที่ 9 สิงหาคม 2559

คดีที่ 3 เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม เวลาประมาณ 19.30 น. ในท้องที่ สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ ได้จับกุมนายวิกรานต์ หรือปอน ศรีศิลป์ อายุ 23 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 58,000 เม็ด ยาไอซ์ 857.46 กรัม สืบเนื่องจากการจับกุมผู้ค้ารายย่อยพร้อมของกลางยาบ้า 10 เม็ด อาวุธปืน 1 กระบอก และได้สืบสวนขยายผลล่อซื้อจนสามารถจับกุมนายวิกรานต์ พร้อมของกลางดังกล่าว นอกจากนี้ ได้ออกหมายจับผู้ค้าในเครือข่ายเพิ่มเติมอีก 2 ราย อยู่ระหว่างสืบสวนติดตามจับกุมมาดำเนินคดี

และคดีสุดท้ายเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม กก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี และสภ.คลองสิบสอง จ.ปทุมธานี จับกุมเครือข่ายการค้ายาเสพติดของนายนำโชคหรือบูม คุ้มเสร็จ 5 คน ซึ่งเป็นเครือข่ายที่ค้ายาในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา และในกรุงเทพมหานคร ในข้อหาสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบนั้น พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินเป็นรถยนต์ 3 คัน รถจักรยานยนต์ 2 คัน บ้านพร้อมที่ดิน 3 หลัง สมุดบัญชีธนาคาร รวมมูลค่าประมาณ 10.4 ล้านบาท

Advertisement

ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ ระบุว่า ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 พบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการออกเสียงประชามติ จำนวน 15 เรื่อง แบ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับการฉีกบัตรออกเสียงประชามติ 11 ราย จำหน่ายสุราในเวลาที่ห้ามจำหน่ายจำนวน 2 ราย ซึ่งศาลได้พิพากษาลงโทษไปแล้ว และความผิดเกี่ยวกับการโพสต์รูปบัตรออกเสียง 1 ราย ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการสอบสวน และพบความผิดเกี่ยวกับบัตรลงคะแนนหาย 1 ราย ในหน่วยที่ 250 พื้นที่บางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี เบื้องต้นพบว่าขณะนับคะแนนจำนวนผู้มาใช้สิทธิมากกว่าจำนวนบัตร 1 ใบ ซึ่งกรรมการการเลือกตั้งอยู่ระหว่างตรวจสอบ
 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image