ก่อนหน้า โอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่นครรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล จะเปิดฉากเพียง 2 เดือน สหพันธ์มวยสากลนานาชาติ (ไอบ้า) ลงมติเร่งด่วนอนุญาตให้นักมวยอาชีพเข้าร่วมแข่งขันมวยสากลใน “รีโอเกมส์” หนนี้ได้ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากคนในแวดวงมวยอาชีพและมวยสมัครเล่น
ฝั่งโค้ชและสมาคมมวยหลายประเทศมองว่า มวยอาชีพกับมวยเสื้อกล้ามนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าทุกวันนี้ไอบ้าจะให้ยกเลิกการสวมเฮดการ์ดของนักมวยสากลแล้วก็ตาม เพราะเทคนิคและแทคติคไม่เหมือนกัน หลายคนหวั่นใจว่าการเอานักมวยอาชีพระดับแชมป์โลกมาแข่งขัน อาจทำให้นักชกสมัครเล่นได้รับบาดเจ็บได้
ข้างฝ่ายสถาบันมวยอาชีพใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็น สภามวยโลก (ดับเบิลยูบีซี), สมาคมมวยโลก (ดับเบิลยูบีเอ) หรือ สหพันธ์มวยนานาชาติ (ไอบีเอฟ) รวมถึงสถาบันระดับรองๆ อีกหลายแห่ง ต่างออกมาโจมตีไอบ้าอย่างรุนแรงว่า พยายามเข้ามา “ยึดอำนาจ” ในวงการมวยอาชีพเพื่อเป็นองค์กรสูงสุดเพียงหนึ่งเดียว
เนื่องจากไอบ้าซึ่งแต่เดิมดูแลเฉพาะมวยสากลสมัครเล่นได้ริเริ่มก่อตั้งลีกมวยกึ่งอาชีพ เวิลด์ ซีรีส์ ออฟ บ๊อกซิ่ง (WSB) ขึ้นมาในปี 2010 เป็นการแข่งขันมวยประเภททีม ทีมละ 10 คน แข่งขันกัน 10 รุ่น จากนั้นในปีต่อมาก็เปิดสถาบันมวยอาชีพของตัวเองในชื่อ ไอบ้า โปร บ๊อกซิ่ง (APB) ดึงดูดนักชกชาติต่างๆ ที่เคยชกมวยระดับทีมชาติมาแข่งขันเวทีนี้ต่อ (พร้อมระบุให้ตัดคำว่า “สมัครเล่น” ออกจากการแข่งขันมวยของไอบ้าทั้งหมด เหลือเพียง “มวยสากล” เท่านั้น)
ทั้ง WSB และ APB ล้วนมีเงินรางวัลตอบแทน แม้ยังไม่เท่ากับค่าขึ้นชกของเวทีใหญ่ๆ แต่ทดแทนด้วยสิทธิพิเศษว่า นักมวยที่มาชก 2 เวทีนี้ ยังสามารถรักษาสิทธิการเป็นนักชกทีมชาติ ร่วมแข่งขันมวยสากลทุกรายการที่ไอบ้าให้การรับรองได้ทั้งหมด จากเดิมที่พอนักมวยเปลี่ยนสถานะจาก “สมัครเล่น” เป็น “อาชีพ” ของสถาบันต่างๆ แล้ว จะหมดสิทธิกลับมาติดทีมชาติทันที
ยิ่งมาเปิดไฟเขียวให้นักชกอาชีพทุกสถาบันร่วมแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ได้แบบนี้ ทำให้บรรดาสถาบันมวยต่างๆ มองว่าไอบ้าพยายามจะกลืนเอานักชกมือโปรเป็นของตัวเอง รวมทั้งดึงฐานแฟนๆ มวยอาชีพให้หันมาสนใจเวทีมวยเสื้อกล้ามมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา
นักวิเคราะห์มองว่าการประกาศกฎอย่างกะทันหันของไอบ้าน่าจะมีเป้าหมายสำคัญที่การดึง แมนนี่ ปาเกียว อดีตแชมป์โลก 8 รุ่นชาวฟิลิปปินส์ ซึ่งประกาศแขวนนวมไปเมื่อเดือนเมษายน และไม่มีข้อผูกพันกับสถาบันมวยใดๆ มาขึ้นเวทีรีโอเกมส์ หลังจากเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน ไอบ้าเคยเชิญปาเกียวมาเป็นแขกพิเศษชมการแข่งขันมวยสากลชิงแชมป์โลกที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์มาแล้ว
แต่ไอบ้าต้องฝันสลายเมื่อปาเกียวบอกว่า อยากจะทุ่มเทให้กับงานการเมืองหลังเพิ่งได้รับเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกเมื่อเดือนพฤษภาคมมากกว่า (ก่อนที่เจ้าของฉายา “แพ็คแมน” จะกลืนน้ำลายตัวเอง เตรียมคืนสังเวียนในเดือนพฤศจิกายนนี้)
และเนื่องด้วยไอบ้าไฟเขียวกฎนี้ต้นเดือนมิถุนายน ก่อนรีโอเกมส์เปิดฉากเพียง 2 เดือน ทำให้เหลือเวทีคัดเลือกโอลิมปิกของ APB และ WSB ที่เวเนซุเอลา ระหว่างวันที่ 3-8 กรกฎาคม เพียงเวทีเดียวเท่านั้น
สรุปสุดท้าย รีโอเกมส์ครั้งนี้มีนักมวยอาชีพเข้าร่วมรวม 3 คน คือ คาร์มิเน่ ตอมมาโซเน่ นักชกรุ่นไลต์เวตจากอิตาลี, ฮัสซัส เอ็นดาม นีคัม นักมวยแคเมอรูนในรุ่นไลต์เฮฟวี่เวต และ อำนาจ รื่นเริง รุ่นไลต์เวต โดยในรายของนักชกไทย เพิ่งเสียแชมป์โลกรุ่นฟลายเวตของไอบีเอฟไปเมื่อเดือนพฤษภาคม
ปรากฏว่ามวยสากลโอลิมปิกเริ่มต้นได้ 4 วัน นักชกอาชีพทั้ง 3 คนต่างก็ตกรอบเรียบ โดยนีคัมพ่ายให้นักชกเจ้าภาพแบบก้ำกึ่งในรอบแรก ส่วนตอมมาโซเน่แพ้คะแนนเอกฉันท์ให้ ฆอร์เก้ ลาซาโร่ อัลวาเรซ นักชกจากคิวบา มหาอำนาจแห่งวงการมวยเสื้อกล้าม ในรอบสอง
เช่นเดียวกับอำนาจซึ่งอายุจริงปาเข้าไป 39 ปี (จากที่แจ้งเกิดช้า 3 ปีทำให้อายุตามเอกสารเป็น 36 ปี) แพ้นักมวยรุ่นน้องจากฝรั่งเศส โซเฟียน อูมิฮา แบบหมดสภาพ เพราะโดนนับถึง 3 ครั้งจนแพ้ทีเคโอในรอบสอง
ผลจากการพาเหรดตกรอบดังกล่าวทำให้สื่อและคนในแวดวงมวยโยนคำถามไปให้ไอบ้าว่า คิดถูกหรือผิดที่ปรับกฎกะทันหันดังกล่าว? ซึ่งโฆษกของไอบ้าก็มีคำตอบทันควันเช่นกันว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ใช่หวังให้เห็นผลในรีโอเกมส์เป็นสำคัญ แต่เป็นการเปิดทางสำหรับอนาคตข้างหน้าต่างหาก
เพราะอย่างน้อยๆ หลังไอบ้าประกาศเปลี่ยนแปลงกฎ ก็มีนักชกอาชีพดังๆ หลายคนแสดงความสนใจ อาทิ ปาเกียว, อาเมียร์ ข่าน อดีตแชมป์โลกคนดังของสหราชอาณาจักรซึ่งเคยชกโอลิมปิกมาแล้ว รวมทั้ง วลาดิเมียร์ คลิตช์โก้ อดีตแชมป์โลกรุ่นยักษ์ชาวยูเครนซึ่งหลายคนยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักชกรุ่นเฮฟวี่เวตที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ …แม้ว่าในท้ายที่สุดแล้วจะเป็นเพียงแค่ความสนใจที่ไม่ได้รับการสานต่อก็ตาม
ในเมื่อไอบ้าออกตัวอย่างนี้ ก็คงต้องรอดูกันยาวๆ ใน “โตเกียวเกมส์” ที่ประเทศญี่ปุ่น อีก 4 ปีข้างหน้าว่าจะหมู่หรือจ่ากันแน่
