นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิก สปท.และอดีตคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงรัฐธรรมนูญร่างแรกว่า จุดอ่อนที่สุดของระบบการเลือกตั้งแบบใช้บัตรใบเดียวกาทั้ง ส.ส.เขตและ ส.ส.บัญชีรายชื่อก็คือเป็นการตัดหนทางพรรคทางเลือกใหม่และพรรคทุนน้อยโดยสิ้นเชิง สงวนการเสนอตัวเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ไว้กับพรรคการเมืองทุนหนาแต่เพียงสถานเดียว เพราะระบบการเลือกตั้งแบบนี้ คะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อจะมาได้ก็โดยคะแนนที่ได้รับจาก ส.ส.เขตเท่านั้น ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะในการเลือกตั้ง ส.ส.เขตในแต่ละเขตก็ตาม เป็นการบีบให้พรรคการเมืองต้องส่งผู้สมัคร ส.ส.เขตมากๆ ไม่ว่าจะมีความหวังในเขตนั้นหรือไม่ เพราะทุกคะแนนมีความหมาย พรรคทางเลือกใหม่ พรรคของกลุ่มความคิดเฉพาะทางเฉพาะด้าน และพรรคเกิดใหม่ ไม่ใช่นักการเมืองเก่า ไม่มีความนิยมในเขตใดเขตหนึ่งโดยเฉพาะ แต่มีความนิยมกระจายอยู่ทั่วประเทศ ถ้าเป็นการเลือกตั้งระบบ 2 บัตร กาแยกระหว่าง ส.ส.เขตกับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ คนไทยคุ้นชินมาตั้งแต่ปี 2540 นั้น เคยมีโอกาสจะมี ส.ส.ในสภาได้สัก 1-5 คน จาก ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ
นายคำนูณกล่าวว่า จากนี้ไปถ้าร่างรัฐธรรมนูญผ่านออกมาใช้โดยไม่แก้ไขก็เป็นอันหมดโอกาสโดยสิ้นเชิง เพราะไม่มีปัญญาจะส่งผู้สมัคร ส.ส.เขตจำนวนมาก ตัดหนทางพรรคทางเลือกใหม่ทุนน้อย ตัดหนทางการรวมตัวของกลุ่มภาคประชาสังคมจะรวมตัวกันเป็นพรรคการเมือง เพื่อจะเข้ามาเป็นปากเป็นเสียงในสภาสักเสียงสองเสียง ตัดโอกาสทางเลือกใหม่ๆ ของประชาชน สงวนความเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยไว้กับพรรคการเมืองทุนหนาเดิมๆ การบังคับผู้สมัคร ส.ส.ให้ต้องสังกัดพรรคก็จำกัดสิทธิพออยู่แล้ว ยังมาบังคับโดยปริยายให้ผู้ประสงค์จะมีบทบาทในสภาต้องสังกัดแต่พรรคทุนหนาอีก จะยิ่งไม่เป็นการตอกย้ำระบบผูกขาดอำนาจของพรรคการเมืองให้แน่นหนาขึ้นอีก แม้แต่พรรคการเมืองทุนหนาเดิมๆ ด้วยกันเอง หลายพรรคไม่เคยส่งผู้สมัคร ส.ส.เขตจำนวนมาก ก็ต้องพิจารณาส่งมากขึ้น เพราะทุกคะแนนไม่ว่าจะแพ้หรือชนะล้วนมีความหมาย นี่คือจุดอ่อนหนึ่งในมุมมองเฉพาะของตนเห็นว่าเป็นจุดอ่อนที่สุดของระบบเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียว
