วันที่ 13 สิงหาคม 2559 จากกรณีเกิดเหตุระเบิดที่หาดป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต 2 จุด บริเวณตู้จราจรหน้าป้อมจุดตรวจท้ายซอยบางลา และบริเวณสวนสาธารณโลมาหาดป่าตอง ถ.ทวีวงศ์ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา จนทรัพย์สินเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย คือนายสมบูรณ์ กายแก้ว อายุ 41 ปี จักรยานยนต์รับจ้างที่ได้รับบาดเจ็บจากถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่แขนขวา รวมไปถึงกรณีพบวัตถุต้องสงสัยที่เป็นโทรศัพท์มือถือต่อวงจรเข้ากับแอลกฮอล์เหลวและถูกนำไปวางไว้ที่บริเวณร้านขายเสื้อผ้าหน้าโรงแรมพาราไดซ์ ถ.ราษฎร์อุทิศ 200 ปี ต.ป่าตอง อ.กะทู้และจุดที่ 2.ภายในร้านขายเสื้อผ้าตลาดไชน่าทาวน์ ถ.ราษฎร์อุทิศ 200 ปี ต.ป่าตอง อ.กะทู้ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดหรือ อีโอดี ภ.จว.ภูเก็ตเข้าเก็บกู้ไว้ได้ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งสอบปากคำผู้เห็นเหตุการณ์ โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อล่าตัวคนร้าย
ล่าสุดหน่วยพิสูจน์หลักฐาน จ.ภูเก็ตร่วมกับตำรวจภูธรภาค 8 ได้มีการสเก็ตภาพชายต้องสงสัยที่คาดว่าเป็นผู้ที่ลอบวางระเบิดดังกล่าวแล้ว โดยได้เร่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสถานีแจกจ่ายในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง เพื่อช่วยกันสอดส่องและติดตามจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยด่วน
ส่วนบรรยากาศการท่องเที่ยวบริเวณชายหาดป่าตอง นักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงออกมาท่องเที่ยวและพักผ่อนทำกิจกรรมบนชายหาดตามปกติ โดยไม่มีการยกเลิกห้องพักแต่อย่างใด แม้อาจจะมีคำเตือนให้เพิ่มความระมัดระวังจากสถานทูตประจำประเทศต่างๆก็ตาม
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ป่าตอง ได้มีการตั้งด่านตรวจด่านสกัด ออกตรวจค้นรถและบุคคลต้องสงสัยในบริเวณทางเชื่อมเข้าออกหาดป่าตอง โดยเฉพาะที่บริเวณวงเวียนโลมาทางไปกะหลิม ซึ่งจะมีรถผ่านจากต.กมลาเข้ามายังหาดป่าตอง มีการตรวจค้นรถและบุคคลเพื่อป้องกันการแฝงตัวเข้ามาก่อเหตุซ้อน
ทั้งนี้ พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ตกล่าวถึงมาตรการในการรักษาความปลอดภัยสถานที่ต่างๆว่า การคุมเข้มและตรวจสอบยานพาหนะต่าง ตลอดจนวัตถุต้องสงสัยต่างๆในพื้นที่ จ.ภูเก็ตยังคงมีการเข้มงวดอย่างต่อเนื่อง เช่น ด่านตรวจภูเก็ต ต.ไม้ขาว อ.ถลาง ซึ่งเป็นด่านตรวจแรกของทางบก เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าฉัตรไชยสนธิกำลังร่วมกับทัพเรือภาคที่ 3 และฝ่ายปกครอง อ.ถลางตรวจค้นยานพาหนะทุกชนิดทุกคันที่เข้ามายังพื้นที่ จ.ภูเก็ตตลอด 24 ชม.โดยยังไม่พบสิ่งแปลกปลอมหรือการนำพาวัตถุต้องสงสัยต่างๆเข้ามายังพื้นที่ ขณะเดียวกันได้ประสานไปยังผู้บริหารห้างและศูนย์การค้าต่างๆให้เข้มงวดการตรวจสอบยานพาหนะที่เข้าออก โดยจะต้องเน้นย้ำ รปภ.ประจำศูนย์การค้าหรือห้างตรวจสอบยานพาหนะทุกชนิดอย่างละเอียดเช่นเดียวกัน เพื่อความปลอดภัยกับประชาชนที่เข้าไปใช้บริการภายในห้างหรือศูนย์การค้าดังกล่าว
