เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมค่าใช้จ่ายรายหัวการศึกษาขั้นพื้นฐานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ว่า ตามที่ได้มอบหมายให้สพฐ.คำนวณอัตราค่าน้ำ-ค่าไฟที่เหมาะสม ควรอยู่ที่เท่าไหร่และนำมาเสนอ เพื่อดูว่าจะจัดการแยกหมวดค่าน้ำค่าไฟของโรงเรียนออกมาต่างหากหรือไม่นั้น สพฐ.ได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ศึกษาวิจัยสำรวจค่าใช้จ่ายพื้นฐานของโรงเรียนทั่วประเทศ ซึ่งผลวิจัยสรุปว่า รัฐต้องใช้งบเพิ่มไม่เกินปีละ 1,000 ล้านบาท จึงจะเพียงพอสำหรับค่าน้ำค่าไฟที่เหมาะสมของโรงเรียน ปัจจุบันสพฐ.มีค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าน้ำค่าไฟปีละประมาณ 3,500 ล้านบาท
“งานวิจัยนี้ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน ยังต้องไปเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งต้องรวมค่าแอร์ ค่าคอมพิวเตอร์ แต่หากจะต้องเพิ่มขึ้น ก็คงไม่ไปขอเงินจากรัฐบาล ผมจะให้โรงเรียนใช้วิธีบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาเอง โดยทุกแห่งต้องช่วยกันประหยัด โดยต้องไม่เบียดบังเงินรายหัวของเด็กเหมือนที่ผ่านมา ขณะเดียวกันให้สพฐ.ไปแยกหมวดหมู่ค่าใช้จ่ายในการบริหารโรงเรียนที่อยู่ในค่าใช้จ่ายการจัดการเรียนการสอนให้ชัดเจน ต้องทำให้สังคมได้ทราบว่าเงินอุดหนุนรายหัวเท่าไร เงินบริหารจัดการเท่าไร เพราะของเดิมปนกันอยู่ ก็มีโอกาสที่ผู้บริหารโรงเรียนจะนำเงินไปใช้ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์” พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม คงไม่สามารถบอกได้ว่าจะไม่เก็บเงินจากผู้ปกครองเลย เพราะในบางครั้งก็เป็นความต้องการของผู้ปกครองที่ให้บุตรหลานได้รับสิ่งดี ๆ แต่จะพยายามลดภาระของผู้ปกครองมากที่สุด
พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการดูแลเด็กพิการเรียนร่วมปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 3 แสนคนให้ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณ 196 ล้านบาท ซึ่งเร็ว ๆ นี้ ตนจะหารือกับผู้จัดการกองทุนส่งเสริมและพัฒนาการศึกษาสำหรับคนพิการ สำนักบริหารงานการศึกษาศึกษาพิเศษ (สศศ.)เพื่อเร่งดำเนินการภายในปีงบประมาณ 2560 ส่วนการดูแลเด็กด้อยโอกาสและเด็กยากจน ศธ.จะนำตัวเลขผู้ลงทะเบียนในโครงการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยเพื่อรับสวัสดิการของรัฐ หรือ ลงทะเบียนคนจน ที่มีผู้ลงทะเบียนแล้ว 5 ล้านคน เพื่อมาสำรวจตัวเลขเด็กยากที่แท้จริงว่าเพิ่มขึ้นจากเดิมหรือไม่ เพื่อดูแล ทั้งนี้ปัจจุบันศธ.มีตัวเลขเด็กยากจนอยู่ประมาณ 2.8 ล้านคน โดยเด็กเหล่านี้จะได้รับเงินสนับสนุนรายหัวเพิ่มหรือท็อปอัพ 3,500 บาทต่อคนต่อปี
