หน้า1- สรุปแล้ว 15นปป.ไม่โยงบึ้ม ชี้ต้านรัฐบาล-ใฝ่คอมมิวนิสต์ ญาติแม่ค้าน้ำพริกร่ำไห้

15นปป.ไม่โยงบึ้ม ชี้ต้านรบ.-ใฝ่คอมฯ คุมตัวส่งนอน”เรือนจำ” ญาติแม่ค้าน้ำพริกร่ำไห้ “หมอเหวง”แฉจับมีพิรุธ ซุ่มปล่อยแล้ว”ศักรินทร์” กลับบ้าน”บวชล้างซวย”

คุมตัว15นปป.ส่งกองปราบฯ

กรณีศาลทหารออกหมายจับกลุ่มผู้เคลื่อนไหวในนาม “พรรคแนวร่วมปฏิวัติประชาธิปไตย” หรือ นปป. 17 ราย มี 1.ด.ต.ศิริรัตน์ มโนรัตน์ อายุ 71 ปี ชาว จ.พัทลุง 2.นายวีระชัฏฐ์ จันทร์สะอาด อายุ 62 ปี ชาว จ.นนทบุรี 3.นายประพาส โรจนพิทักษ์ อายุ 67 ปี ชาว จ.ตรัง 4.นายปราโมทย์ สังหาญ อายุ 63 ปี ชาว จ.สตูล 5.นายสรศักดิ์ ดิษปรีชา อายุ 49 ปี ชาว กทม. 6.นางสาวมีนา แสงศรี อายุ 39 ปี ชาว กทม. 7.นาย ศิริฐาโรจน์ จินดา อายุ 56 ปี ชาวจ.หนองคาย 8.ร.ต.ต.หญิง วิลัยวรรณ คูณสวัสดิ์ อายุ 54 ปี ชาว จ.หนองคาย 9.นายชินวร ทิพย์นวล อายุ 71 ปี ชาว จ.เชียงราย 10.นายณรงค์ ผดุงศักดิ์ อายุ 60 ปี ชาว จ.อ่างทอง 11.ร.ต.ท.สมัย คูณสวัสดิ์ อายุ 57 ปี ชาว จ.หนองคาย 12.นายศรวัชษ์ กุระจินดา อายุ 60 ปี ชาว จ.มหาสารคาม 13.นายเหนือไพร เซ็นกลาง

อายุ 41 ปี 14.นายวิเชียร เจียมสวัสดิ์ อายุ 59 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช 15.นายบุญภพ เวียงสมุทร อายุ 61 ปี ชาว จ.เชียงราย 16.นางสาวรุจิยา เสาสมภพ อายุ 52 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด และ 17.นายวิโรจน์ ยอดเจริญ อายุ 67 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช ตามหมายจับศาลทหาร ที่ 44-60/2559 ลงวันที่ 18 สิงหาคม 2559 ข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 3/2558 ว่าด้วยการชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คนขึ้นไป และความผิดฐานกระทำการอันเข้าข่ายอั้งยี่ โดยก่อนหน้านี้ทั้งหมดถูกควบคุมตัวที่มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ต่อมา ร.ต.ท.สมัย และ ร.ต.ต.หญิง วิลัยวรรณ ถูกปล่อยตัวไป จึงมีผู้ถูกควบคุมตัวเพียง 15 คนเท่านั้น ซึ่ง พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ พ.อ.

Advertisement

บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คสช.เข้าให้ปากคำและมอบเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมในคดี ก่อนจะส่งตัวให้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ดำเนินคดีนั้น

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 19 สิงหาคม ที่ บก.ป. พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ พล.ต.ต.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ พล.ต.ต.กรเอก เพชรไชยเวส รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.กองแผนงานอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มารอรับส่งมอบตัวผู้ต้องหาทั้งหมด โดย พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบก.ป.และคณะพนักงานสอบสวน บก.ป.จัดเตรียมห้องประชุมชิวปรีชา ไว้รองรับ และจัดกำลังตำรวจคุมเข้มรักษาความปลอดภัย โดยผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องห้ามเข้ามาภายในอาคารและห้องประชุมดังกล่าว แพทย์รพ.ตำรวจตรวจร่างกาย

พล.ต.ต.ชยพลเปิดเผยว่า เมื่อรับมอบตัวผู้ต้องหาทั้ง 15 ราย จากทหารไว้แล้ว จะตรวจร่างกายผู้ต้องหาโดยแพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจ จากนั้นทางพนักงานสอบสวน บก.ป.จะแจ้งข้อกล่าวหาและสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมด เมื่อเสร็จสิ้น จะส่งตัวไปฝากขังยังศาลทหารทันที ขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานว่ามีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดและเหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้น 17 จุด ใน 7 จังหวัดภาคใต้ แต่การค้นบ้านพักของผู้ต้องหาบางรายพบครอบครองอาวุธสงคราม ซึ่งจะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม และสืบสวนขยายผลทางคดีอีกครั้ง

กระทั่งเวลา 09.45 น. พล.ต.วิจารณ์ พ.อ.บุรินทร์ และกำลังทหารจาก มทบ.11 ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 15 ราย ด้วยรถตู้ 4 คัน โดยมีรถฮัมวี่ทหาร นำหน้า ก่อนจะให้ผู้ต้องหาทยอยเดินเข้าไปในห้องประชุมที่จัดเตรียมไว้ และตรวจร่างกายกับแพทย์ รพ.ตำรวจ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ต่อมาเวลา 10.45 น. พล.ต.ต.ชวลิต พล.ต.ต. ชยพล พล.ต.วิจารณ์ พ.อ.บุรินทร์ นำผู้ต้องหาทั้ง 15 ราย มาร่วมแถลงข่าวถึงพฤติการณ์การกระทำความผิดดังกล่าว โดย พล.ต.ต.ชยพล กล่าวว่า การตรวจร่างกายนั้น ทาง พ.ต.ท.นพ.ธัญลักษณ์ ธุดี นายแพทย์ (สบ.3) กลุ่มงานศูนย์ส่งกลับและรถพยาบาล รพ.ตำรวจ และทีมแพทย์ รพ.ตำรวจ ได้ตรวจร่างกายผู้ต้องหาทั้งหมด เบื้องต้นพบว่าสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีเพียง 3 รายที่มีโรคประจำตัว คือโรคความดัน แต่ก็มียารักษาประจำตัวที่ต้องรับประทานอยู่

ชี้แนวคิดคอมมิวนิสต์ล้มปกครอง

พล.ต.ต.ชยพลกล่าวต่อว่า สำหรับพรรค การเมืองที่กลุ่มผู้ต้องหาร่วมกันจัดตั้งและเคลื่อนไหวอยู่นั้น จากการสืบสวนทราบว่ามีการจัดตั้งมานับตั้งแต่ปี 2558 ทั้งนี้ ในส่วนของรายละเอียดต่างๆ นั้น คงยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนเพื่อขยายผล ซึ่งหากมีความคืบหน้าประการใดจะชี้แจงในภายหลัง

เมื่อถึงความเชื่อมโยงของผู้ต้องหากับเหตุวางระเบิดและวางเพลิงใน 7 จังหวัดภาคใต้ พล.ต.ต.ชยพลกล่าวว่า เบื้องต้นไม่พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับเหตุดังกล่าว เมื่อถามว่ากลุ่มผู้ต้องหาเป็นกลุ่มผู้ประสานงานที่มีความเชื่อมโยงกับผู้ที่ปฏิบัติการก่อเหตุใน 7 จังหวัดภาคใต้ พล.ต.ต.ชยพลกล่าวว่า ตรงนี้ยังไม่พบว่าเกี่ยวข้อง โดยกลุ่ม นปป.มีเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่เคลื่อนไหวโดยมีแนวคิดทางการเมืองที่ต่อต้านและล้มล้างการปกครองของรัฐบาล ใช้แนวความคิดแบบคอมมิวนิสต์ นัดหมายประชุมวางแผนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นตามสถานที่ต่างๆ ใน จ.นนทบุรี จ.สุพรรณบุรี จ.อ่างทอง และ จ.พัทลุงต่อเนื่องกัน

ประสานสภาทนายช่วยผู้ต้องหา

“กรณีอาวุธสงครามที่พบเป็นการตรวจค้นของทหารก่อนหน้านี้ ซึ่งแจ้งข้อหาดำเนินคดีเพิ่มเติมในบางคน ส่วนการตรวจสอบว่ามีแหล่งที่มาอย่างไร และเคยถูกนำไปใช้ก่อเหตุใดหรือไม่อยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผล ขณะที่ความเชื่อมโยงถึงกลุ่มการเมืองหรือพรรคการเมืองใดๆ ก็ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนต่อไป ยืนยันว่าจะพิจารณาดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย เมื่อพบว่าผู้ต้องหาบางรายยังไม่มีทนายความ ก็ได้ติดต่อประสานไปยังสภาทนายความเพื่อจัดทนายความให้แล้ว 5 ราย” พล.ต.ต.ชยพลกล่าว

พล.ต.ต.ชยพลกล่าวอีกว่า ส่วนการเข้าควบคุมตัวผู้ต้องหาก่อนหน้านี้ เป็นอำนาจของทหาร เป็นช่วงที่ควบคุมตัวภายหลังจากเกิดเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ใน 7 จังหวัดภาคใต้ แต่ยังไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกัน สำหรับข้อกล่าวหาในเบื้องต้นยังไม่มีข้อหา ตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีนี้ยืนยันว่าหากยังพบว่ามีผู้ใดที่มีส่วนเกี่ยวพันไม่ว่าจะในส่วนใด ทางเจ้าหน้าที่จะขยายผลเพื่อสืบสวนติดตามจับกุมมาดำเนินคดีทั้งหมด

ญาติแม่ค้าน้ำพริกร่ำไห้ระงม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาแยกไปสอบปากคำ โดยจัดพนักงานสอบสวน 15 ราย แยกสอบผู้ต้องหาทั้งหมดเพื่อความรวดเร็ว โดยใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง ในการสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหากลุ่มแนวร่วม นปป. ทั้ง 15 ราย จากนั้นตำรวจกองปราบปรามได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 15 รายขึ้นรถตู้นำตัวไปขออำนาจศาลทหารฝากขังผัดแรก ระหว่างนำตัว น.ส.มีนา แสงศรี มาขึ้นรถตู้ ปรากฏว่ามารดาและญาติ เพื่อนสนิทของ น.ส.มีนาที่เดินทางมาให้กำลังใจ ต่างร้องไห้ระงมพร้อมกับตะโกนว่า น.ส.มีนาเป็นผู้บริสุทธิ์ โดยเผยว่า น.ส.มีนาเป็นแม่ค้าขายน้ำพริกอยู่ที่ตลาดศรีเอี่ยมย่านอ่อนนุช-ศรีนครินทร์ ใช้ชีวิตปกติทำมาหากินและเป็นเสาหลักของครอบครัว เหตุใดถึงมาทำกันแบบนี้ ต้องขอความเป็นธรรมด้วย

ส่ง15นปป.ฝากขังผัดแรก

เวลา 14.30 น. ที่ศาลทหารกรุงเทพ พนักงานสอบสวนกองปราบปราม นำผู้ต้องหาทั้ง 15 ราย มาฝากขังผัดแรก ยกเว้น ร.ต.ท.สมัย คูณสวัสดิ์ อายุ 57 ปี ชาว จ.หนองคาย และ ร.ต.ต.หญิง วิลัยวรรณ คูณสวัสดิ์ อายุ 54 ปี ชาว จ.หนองคาย ไม่ได้เดินทางมาด้วย ทั้งนี้ผู้ต้องหาทั้งหมดเข้าไปในศาลทหาร ท่ามกลางญาติพี่น้องที่มารอเยี่ยม สำหรับบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยได้มีเจ้าหน้าที่สารวัตรทหาร 10 นาย คอยดูแลรักษาความปลอดภัย บริเวณภายนอก และภายในศาลทหาร โดยนายธนเดช พ่วงพูล และนายจีรศักดิ์ บุณณะ ทนายความสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ (สกสส.) เดินทางมาเป็นทนายความพร้อมนำหลักทรัพย์เป็นเงินสด 150,000 บาท มาประกัน ด.ต.ศิริรัตน์ มโนรัตน์ อายุ 71 ปี ชาว จ.พัทลุง นายวีระชัฏฐ์ จันทร์สะอาด อายุ 62 ปี ชาว จ.นนทบุรี นายประพาส โรจนพิทักษ์ อายุ 67 ปี ชาว จ.ตรัง และนายปราโมทย์ สังหาญ อายุ 63 ปี ชาว จ.สตูล ที่เหลืออีก 11 คน ยื่นหลักทรัพย์คนละ 100,000 บาท

วืดประกันยื่นใหม่22ส.ค.

เวลา 16.00 น. ตุลาการศาลทหารได้นั่งบัลลังก์พิจารณาสำนวนคำร้องขอฝากขังของพนักงานสอบสวนกองปราบปราม โดยพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการขอประกันตัว เนื่องจากสอบสวนพยานและตรวจสอบเอกสารอีก 15 ปากยังไม่แล้วเสร็จ พร้อมทั้งผู้ต้องหาจะไปยุ่งเกี่ยวกับหลักฐาน

โดยนายธนเดชกล่าวว่า ได้คัดค้านการฝากขังของพนักงานสอบสวนในครั้งนี้ โดยชี้แจงว่า พยาน 15 ปาก ทางผู้ต้องหาไม่รู้จักว่าเป็นใคร จึงไม่สามารถไปยุ่งเกี่ยวได้ และผู้ต้องหาส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ทั้งนี้ ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวไม่ทัน เพราะศาลปิดทำการ โดยจะมายื่นอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 22 สิงหาคมนี้

จากนั้นศาลได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เรื่องของการสอบพยานไม่เกี่ยวกับการคัดค้านการฝากขัง แต่เป็นเรื่องการต่อสู้ทางคดี ดังนั้น เห็นควรให้ฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 19-30 สิงหาคม อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จากกรมราชทัณฑ์นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดขึ้นรถเรือนจำไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯและทัณฑสถานหญิงกรุงเทพฯ

19

“บิ๊กตู่”ชี้บึ้มใต้มีใต้ดินบนดิน

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีออกหมายจับผู้ต้องสงสัย 17 คนเหตุวางระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ว่า มีความคืบหน้า และมีหลายเรื่องที่ต้องสอบสวน อย่างเรื่องกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ คือมันวุ่นวายไปหมด แล้วท้ายที่สุดบอกว่าไม่ใช่พวก เทียม ต้องคอยดูหลักฐานแล้วกัน วันนี้ก็มีการเคลื่อนไหวทั้งบนดินและใต้ดิน มีมาตลอด ต้องไปดูว่าวันหน้าจะมีหลักฐานชัดเจนอย่างไร เขาก็คงจะเสนอให้ทราบว่ามีอะไรบ้าง มีแผนอะไรบ้าง เกี่ยวข้องกับใคร มันก็ทั้งหมด เพราะมันมีทั้งเรื่องของขบวนการประชาธิปไตยที่ว่ามีการเตรียมการใช้ความรุนแรง อีกส่วนหนึ่งก็เป็นคดีเกี่ยวกับการวางเพลิงและคดีระเบิดต่างๆ ซึ่งจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวข้องก็ไม่รู้ ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนอยู่ทั้ง 17 คน เดี๋ยวคดีก็คงคลี่คลาย

เมื่อถามว่า แสดงว่าผู้ต้องสงสัยทั้ง 17 คนที่ถูกออกหมายจับมีความเกี่ยวข้อง เพราะกำลังสอบสวนอยู่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องสอบสวนก่อน อย่างน้อยต้องมีหลักฐานอะไรสักอย่าง ในเรื่องของกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ขบวนการต่างๆ มีการสืบต่อเนื่องกันมานานแล้ว เพราะก่อนหน้านั้นก็มีกลุ่มโน้นกลุ่มนี้ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ ถามว่ามันตั้งรัฐซ้อนรัฐได้ไหม เพราะมันผิดอยู่แล้ว ก็ต้องไปว่าตามหลักฐาน แบบไหนก็แบบนั้น ผิดก็คือผิด เพราะมีตั้งหลายมาตราที่ผิด

ชี้หาหลักฐานโยงปชต.ใหม่

เมื่อถามว่า ทางการข่าวมีการรายงานมาหรือไม่ว่า กลุ่มคนเหล่านี้เคลื่อนไหวด้วยตัวเองหรือมีบุคคลอยู่เบื้องหลัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ยังไม่รู้ ต้องให้เจ้าหน้าที่ดูก่อน แต่ยอมรับว่ามันมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มบางกลุ่ม มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาเคยเป็นสมาชิก ใครบ้างล่ะ เดี๋ยวก็คงแถลงกันได้ ถ้าผมพูดไปแล้วเจ้าหน้าที่จะออกนอกทาง มาเอาตามนายกฯพูด เพราะที่ผมพูดกับท่าน ผมเอาตามข่าวที่ได้รับมา สำหรับการชี้แจงอย่างเป็นทางการก็แล้วแต่เพียงว่าได้ดำเนินการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเพื่อดำเนินการสอบสวนเท่านั้น 17 คน เป็นเรื่องของเอกสารที่เขามีอยู่ เรื่องของขบวนการประชาธิปไตยใหม่ที่ว่า ผมก็อ่านจากข่าวที่ท่านลงนั่นแหละส่วนหนึ่ง ส่วนเจ้าหน้าที่ถ้าเขาได้รายละเอียดเดี๋ยวเขาก็รายงานผมเอง วันนี้ต้องให้เวลาฝ่ายความมั่นคงก่อน”

“บิ๊กป้อม”ชี้17คนไม่เกี่ยวบึ้มใต้

ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้นำพยานหลักฐานไปขออนุมัติหมายจับที่ศาลทหารกรุงเทพฯ เพื่อจับกุม 17 ผู้ต้องหาว่า ทั้ง 17 คนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับกรณีระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ แต่เป็นคดีความผิดเกี่ยวกับการก่อกวน สร้างความไม่สงบ และต่อต้านรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าตอนนี้การเคลื่อนไหวต่อต้าน คสช.ในช่วงนี้พบเพียงกลุ่มนี้กลุ่มเดียว อย่างไรก็ตาม ต้องมีการสอบสวนขยายผลในประเด็นนี้ต่อไป

เมื่อถามว่าทำไมถึงต้องจับกุมกลุ่มต่อต้านรัฐบาลและ คสช.ในช่วงมีคดีระเบิดภาคใต้ ไม่เกรงว่าจะถูกข้อครหาว่าจับผิดตัวหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตนอยากถามว่าถ้าจับผิดตัวแล้วศาลจะออกหมายจับได้อย่างไร โดยเจ้าหน้าที่ดำเนินการมานานแล้ว

“เหวง”ชี้พิรุธจับ17ผู้ต้องหา

นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. กล่าวว่า ในที่สุดฝ่ายกฎหมายของทหารก็ส่งเรื่องให้ตำรวจดำเนินคดีกับคนแก่ 16 คน และแม่ค้าขายพริก 1 คนในข้อหาอั้งยี่ และชุมนุมเกินห้าคน โดยไม่ได้ตั้งข้อกล่าวหาเกี่ยวพันกับการระเบิดที่ภาคใต้เลย แต่ที่แถมมาคือ การแถลงข่าวอย่างเคร่งเครียดโดยไม่เปิดตัวผู้แถลงว่ากลุ่มนี้ทั้งกลุ่มอยู่ในพรรคแนวร่วมปฏิวัติประชาธิปไตย ย่อว่า “นปป.” น่าสังเกตว่า ชื่อย่อ ใกล้เคียงกับ “นปช.” ผิดที่ตัวสุดท้ายเท่านั้น และยังบ่งบอกว่า จุดประสงค์ต้องการปฏิวัติการปกครองมีแนวคิดจากคอมมิวนิสต์มาเป็นแนวทางการเคลื่อนไหว โดยมีการเริ่มประชุมตั้งแต่ 19 ธันวาคม 2558 ที่บางกรวย จ.นนทบุรี และบอกว่าพวกนี้เป็น แดงฮาร์ดคอร์ สำทับโดยการยึดอาก้าหนึ่งกระบอก และกระสุนพร้อมแม็กจำนวนหนึ่งได้ในบ้านของนายสรศักดิ์ ตนเห็นข้อพิรุธดังนี้ 1.จากข่าว การประชุมกลุ่ม นปป.นี้เกิดตั้งแต่ 19 ธันวาคม 2558 ที่บางกรวย จ.นนทบุรี มีการเคลื่อนไหวที่ จ.นนทบุรี และ จ.ปทุมธานี ผู้มีอำนาจไม่รู้หรือ ถ้าไม่รู้ต้องปลดผู้บัญชาการหน่วยความมั่นคงทั้งหมดและลงโทษด้วย และถ้ารู้ทำไมไม่ดำเนินการจับกุมปราบปรามตั้งแต่เนิ่นๆ ทำไมต้องมาจับวันสองวันหลังระเบิดภาคใต้เพื่อจงใจให้คนคิดกันไปว่า พวกเสื้อแดงเป็นพวกวางระเบิดภาคใต้ ตอนหลังก็เปลี่ยนมาเป็นไปจ้างวาน พวกสามจังหวัดใต้มาวางระเบิด ใช่หรือไม่ ทั้งนี้ ผบ.ตร.แถลงแล้วว่า 17 คน ดังกล่าว ไม่เกี่ยวกับการระเบิดที่ภาคใต้ ในการกล่าวหาวันนี้ มีเพียงข้อหา อั้งยี่ และชุมนุมเกินห้าคนเท่านั้น ทำไมไม่มีการตั้งข้อหาวางระเบิด วางเพลิงสาธารณะ

อัดพยายามโยงให้เข้าคนเสื้อแดง

นพ.เหวงกล่าวว่า 2.หากเป็นไปตามที่แถลงจริงว่า ทำงานในรูป นปป.เพื่อปฏิวัติการปกครอง นำเอาแนวคิดของคอมมิวนิสต์มาดำเนินการเคลื่อนไหวจริง ทำไมไม่ตั้งข้อหาว่ามีความผิดกบฏตามมาตรา 113 ป.อาญา เป็นเรื่องพิลึกจริงๆ และยังบอกว่าพวกนี้ทหารเรียกว่าแดงฮาร์ดคอร์ นี่แสดงความจงใจในการโยงเข้าหา นปช.และคนเสื้อแดงทั้งประเทศ ชื่อและ

ตัวย่อก็จงใจที่ให้ใกล้เคียงกับ นปช. อย่างไรก็ตาม นปช.ประกาศชัดมานานแล้ว และยังยืนยันประกาศต่อไปว่า เป้าหมายทางการเมืองคือ ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และใช้สันติวิธีในการดำเนินงาน ดำเนินการที่เปิดเผยถูกต้องตามกฎหมายตลอดมาและตลอดไป จึงแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับ นปป.ที่ปฏิวัติการปกครองเดินแนวทางคอมมิวนิสต์ตามข่าว และ 3.ยิ่งมีรายละเอียดถึงขั้นว่า พวกนี้แบ่งประเทศไทยเป็น 11 เขต มี 3 คน ใน 17 คนนี้ คุม 3 เขตใหญ่ในประเทศ และแบ่งหน้าที่เป็น ฝ่ายมวลชน ฝ่ายหาเงิน ฝ่ายต่างประเทศ ฝ่ายหาอาวุธ ด้วยแล้วยิ่งตอกย้ำว่า นี่เป็นพรรคปฏิวัติการปกครอง แต่ฝ่ายรัฐไม่ตั้งข้อหาว่าเป็นกบฏล้มล้างการปกครองของประเทศตามมาตรา 113 ป.อาญา ไม่พิลึกกึกกือเกินไปหรือ ฝ่ายความมั่นคงทำอะไรขอให้แนบเนียนหน่อย จะสร้างละครชวนให้คนเชื่อทั้งที ต้องเขียนบทและกำกับการแสดงให้จับพิรุธไม่ได้

กกต.ยันไม่มีพรรคปฏิวัติเพื่อปชต.

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์กรณีการสอบสวนผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 17 คนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ระบุว่าเป็นสมาชิกของพรรคปฏิวัติเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเป็นกลุ่มใหม่และมีแนวคิดต่อสู้ทางการเมืองกับรัฐว่า จากการตรวจสอบของ กกต.ไม่พบว่ามีการจดทะเบียนของพรรคปฏิวัติเพื่อประชาธิปไตย ในสารบบของพรรคการเมือง ดังนั้นจึงไม่ใช่พรรคการเมือง แต่อาจจะเป็นกลุ่มการเมืองกลุ่มหนึ่งเท่านั้น

“ปู”แจง”แม้ว”ปฏิเสธไปแล้ว

ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าศาลฯ ถึงกรณีมีบางฝ่ายกล่าวหานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดชายแดนใต้ว่า นายทักษิณได้ปฏิเสธและส่งทนายดำเนินคดีแล้ว ส่วนตนอยากให้ผู้เกี่ยวข้องสืบเรื่องให้ชัดเจนก่อน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ แจ้งความดำเนินคดีหมิ่นประมาทกับนายอาทิตย์ อุไรรัตน์ และนายสุริยะใส กตะศิลา ว่า เรื่องนี้นายทักษิณอยู่เฉยๆ ไม่ได้ไปหาเรื่องใคร แต่ถูกพาดพิงใส่ร้ายว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการวางระเบิดในภาคใต้ซึ่งเป็นการกล่าวหาที่รุนแรงมาก ย่อมมีสิทธิที่จะปกป้องตนเองและพิสูจน์ความจริงว่าไม่ได้กระทำ คนที่กล่าวหานายทักษิณต้องไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตนเองว่าที่พูดไปหมายความว่าอย่างไร เช่น ที่พูดว่ากลุ่มทักษิณหมายถึงกลุ่มภาคใต้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับตำรวจหรือกระบวนการยุติธรรมว่าจะเชื่อตามนั้นหรือไม่

“อย่ายกตนเป็นคนดี ชี้ว่าใครควรแจ้งความได้หรือไม่ได้เลย ปล่อยให้ว่ากันตามกฎหมาย มีอุทาหรณ์มากมายในอดีตที่มีการใส่ร้ายความเท็จ จุดกระแสคลั่งชาติ และทำให้ประเทศเสียหาย” นายอนุสรณ์กล่าว

สั่งด่านเข้มหวั่นมือบึ้มหนีไปตปท.

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีระเบิดและเพลิงไหม้ 7 จังหวัดภาคใต้เพียงรายเดียว คือ นายอาหะมะ เล็งหะ ที่มีหลักฐานชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด ยังไม่พบข้อมูลหลบหนีออกนอกประเทศ จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเพิ่มความเข้มการตรวจตราตามช่องทางต่างๆ พร้อมประสานไปยังประเทศที่เกี่ยวข้อง เพื่อเฝ้าระวังเส้นทางหลบหนีของคนร้ายตั้งแต่หลังเกิดเหตุแล้ว ขณะเดียวกันจะตรวจสอบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุระเบิดในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มพรรคแนวร่วมปฏิวัติประชาธิปไตย หรือ นปป. 17 คน ซึ่งถูกศาลทหารออกหมายจับหรือไม่ แม้ยังไม่พบว่ากลุ่มนี้เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดก็ตาม แต่ตำรวจก็ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง

กรณีเผยแพร่ภาพผู้ต้องสงสัย 3 คน ในพื้นที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมถึงภาพต่างๆ ที่มีการเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดีย พ.ต.อ.กฤษณะระบุว่า เป็นเพียงผู้ต้องสงสัยเท่านั้น และยังไม่ออกหมายจับบุคคลใดเพิ่มเติม โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติย้ำว่า การพิจารณาหมายจับต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ

สอบพยานมัด4มือบึ้มสุราษฎร์

ที่ศูนย์ปฏิบัติการ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ร่วมกับ พล.ต.ท.เดชา ชวยบุญชุม ผู้ช่วย ผบ.ตร โดยมีตำรวจภูธรจังหวัดทุกจังหวัดในภาค 8 ร่วมรายงานคดี ทั้งนี้ คดีวางเพลิงร้านทวีสินพลาสติกและวางระเบิดอีก 2 จุดใน จ.สุราษฎร์ธานี การสืบสวนหาตัวคนร้ายอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ รวมถึงภาพจากกล้องวงจรปิด ที่พบผู้ต้องสงสัยจากเดิม 2 คน เป็น 4 คน รวมทั้งเส้นทางการเข้า-ออก และเส้นทางการหลบหนี แต่ยังขาดจุดเชื่อมต่อของภาพจากกล้องวงจรปิดอีก 2 จุด ที่จะทำให้ทราบชื่อบุคคลต้องสงสัยทั้งหมดได้ ก่อนจะเปิดเผยชื่อพร้อมออกหมายจับ

ข่าวแจ้งว่า ตำรวจได้เชิญเจ้าของคิวรถตู้สายหาดใหญ่-สุราษฎร์ธานี มาสอบถามเพื่อหารูปพรรณสัณฐานผู้ต้องสงสัย รวมถึงพนักงานร้านทวีสินพลาสติกและเจ้าของรถตุ๊กตุ๊ก ที่ไปส่งผู้ต้องสงสัยทั้ง 4 คน ที่บริเวณหน้าสถานีตำรวจทางหลวงสุราษฎร์ธานี ว่าทั้งหมดเป็นบุคคลเดียวกันหรือไม่ เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับภาพวงจรปิดอีก 2 จุดที่เหลือ

ตร.ปล่อยตัว”ศักรินทร์”แล้ว

ข่าวแจ้งว่า ตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ปล่อยตัวนายศักรินทร์ คฤหัสถ์ อายุ 32 ปี ผู้ต้องสงสัยในคดีวางเพลิงเผาห้างเทสโก้ โลตัส สาขานครศรีธรรมราช เมื่อคืนวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยซื้อตั๋วเครื่องบินจากนครศรีธรรมราช-ดอนเมือง แล้วซื้อตั๋วเครื่องบินต่อเครื่องไปยังสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ พร้อมจัดกำลังตำรวจนอกเครื่องแบบไปส่งนายศักรินทร์ถึงสนามบินนครศรีธรรมราชแบบเงียบๆ

แหล่งข่าวรายหนึ่งแจ้งว่า ภายหลังปล่อยตัวนายศักรินทร์กลับบ้านเกิดที่ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ แล้ว ตำรวจไม่แจ้งข้อกล่าวหาใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้นายศักรินทร์ได้กล่าวกับตำรวจชุดควบคุมว่า อาจจะบวชพราหมณ์นุ่งขาวห่มขาวเพื่อล้างซวยที่วัดแห่งหนึ่งในบ้านเกิด เป็นเวลา 7 วัน แต่ต้องปรึกษาทางญาติอีกครั้งว่าจะบวชที่แห่งใด ส่วนอนาคตการทำงานของศักรินทร์ยังไม่คิดค่อยว่ากันใหม่

แดงนครศรีฯเรียกร้องอย่าจับแพะ

แหล่งข่าวกลุ่มคนเสื้อแดง จ.นครศรีธรรมราช เผยว่า นายวิโรจน์ ยอดเจริญ อายุ 67 ปี ที่มีรายชื่ออยู่ในหมายจับ 17 คนนั้น มีอาชีพทำสวนยาง ทำสวนผลไม้ ห่อลูกจำปา อยู่ใน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ทุกคนรู้กันอยู่ว่าเป็นเกษตรกรตัวจริง ส่วนนายวิเชียร เจียมสวัสดิ์ เป็นอดีตผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ อ.ลานสกา แต่มาประกอบอาชีพขายดอกไม้กับครอบครัวในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ทั้งนี้หลังมีรายชื่อถูกหมายจับนั้น ทางครอบครัวต่างตกใจต่อข่าวที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าทั้ง 2 คนนี้ไปร่วมกิจกรรมกับคนเสื้อแดงบ่อยครั้ง ทางเจ้าหน้าที่เลยคิดว่ามีส่วนร่วมในกระบวนการ

“อยากบอกว่าคนที่แดงจ๋าตัวจริง และ นปป.สีดำ ชัดกว่า 2 คนนี้ทำไมไม่โดนจับ มีความเคลื่อนไหวที่มากกว่า 2 คนนี้ สหายที่ร่วมก่อตั้งมีตั้งหลายคน ที่ชัดเจนทำไมไม่จับ มาจับ 2 คนนี้ จะรู้เรื่องได้อย่างไร อยากเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รวบรวมข้อมูลให้ชัดเจนมากกว่านี้ มิใช่นำเอาตาสีตาสามาเป็นแพะ ดีไม่ดีช็อกตายจะกลายเป็นอีกเรื่อง อยากเรียกร้องหากรัฐบาลตั้งใจจะจับกุมคนที่มีความเห็นต่างก็จับกุมไปหากว่าผิด เชื่อว่าทั้ง 2 คนอาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ได้เข้าร่วมในกิจกรรมนำภาพมาแชร์ไปทั่ว ดีใจจนลืมไปว่าอันตรายจะมาถึงตัว สิ่งหนึ่งที่อยากบอกก็คือ หากจับถูกตัวก็สมควรลงโทษ แต่หากผิดตัวครอบครัวจะอยู่อย่างไร อนาคตจะเป็นอย่างไรใครรับผิดชอบ” แหล่งข่าวกล่าว

เดิมเคยเป็นเสื้อแดงเชียงราย

ด้านนายชินวร ทิพย์นวล อายุ 71 ปี และนายบุญภพ เวียงสมุทร อายุ 61 ปี ที่เป็น 2 ผู้ต้องหาจาก จ.เชียงราย จาก 17 คนนั้น รายงานข่าวเผยว่า ทั้ง 2 คนมีบทบาททางการเมืองในเครือข่ายของคนเสื้อแดง เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะนายชินวร เดิมชื่อนายณรงค์ เป็นคนเชียงรายโดยกำเนิด ในอดีตเคยเป็นหัวคะแนน ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) ในพื้นที่ จ.เชียงราย ได้ร่วมกลุ่มเสื้อแดงเชียงรายและยังเคลื่อนไหวทางการเมืองร่วมกับกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย เชียงรายมาโดยตลอด แต่ไม่ถึงขั้นที่เป็นแกนนำในการปลุกระดมคนไปทำกิจกรรม เพราะไม่ได้เป็นนักพูด แต่เป็นนักวางแผนในการดำเนินการ ต่อมาแยกตัวไปตั้งกลุ่ม นปช.เชียงราย 52 เนื่องจากมีความคิดเห็นไม่ลงรอยกันกับ น.ส.จิรนันท์ จันทวงษ์ หัวหน้ากลุ่ม 24 มิถุนาฯ และนายณรงค์ได้เป็นประธานกลุ่ม นอกจากนี้ยังได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการสภาประชาชนล้านนา 52 และปฏิญญาล้านนา 52

ต่อมานายชินวรไปอยู่กับกลุ่มอาสาพิทักษ์ประชาธิปไตย เชียงราย ร่วมกับนายบุญภพ เวียงสมุทร อดีตประธาน อบต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยนายบุญภพเคยเคลื่อนไหวกับกลุ่ม นปช.52 จนหลังมีการทำรัฐประหารทำให้ทั้งหมดได้ยุติการเคลื่อนไหวทางการเมืองจนกระทั่งมาถูกหมายจับกุมตัว

ตำรวจเสื้อแดงหนองคาย

สำหรับผู้ต้องหาที่อยู่ในรายชื่อ 17 คน ที่มาจาก จ.หนองคาย ประกอบด้วย ร.ต.ท.สมัย คูณสวัสดิ์ อายุ 57 ปี และ ร.ต.ต.หญิง วิลัยวรรณ คูณสวัสดิ์ อายุ 54 ปี ทั้งสองเป็นสามีภรรยา รับราชการที่ตำรวจน้ำหนองคาย พบว่าทั้งสองมีการแสดงออกและประกาศตัวอย่างชัดเจนในการเป็นแกนนำเสื้อแดงของพื้นที่ จ.หนองคาย โดยเฉพาะ ร.ต.ต.หญิงวิลัยวรรณ

ส่วนนายศิริฐาโรจน์ จินดา อายุ 56 ปี อดีตเป็นพลทหาร รับหน้าที่เป็นการ์ดของเสื้อแดงมาโดยตลอด ทำให้รู้จักกับ ร.ต.ท.สมัย และ ร.ต.ต.หญิงวิลัยวรรณ โดยนายศิริฐาโรจน์เป็นหนึ่งในคนที่เกี่ยวข้องกับคดีขอนแก่นโมเดล ปัจจุบันนายศิริฐาโรจน์ประกอบอาชีพเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามสถานบริการใน จ.หนองคาย โดยได้โอนทะเบียนบ้านของตัวเองและลูกชายมาเข้าทะเบียนบ้านของ ร.ต.ท.สมัย เพื่อใช้สิทธิให้ลูกเข้าเรียนใน จ.หนองคายได้

ญาติเตรียมเยี่ยม”เฮียสี่”

ที่ร้านลำโพงบ้านหม้อ ตั้งอยู่ภายในตลาดสุวพันธุ์เมืองทอง ต.ตลาดหลวง อ.เมือง จ.อ่างทอง ภายหลังจาก “เฮียสี่” นายวิชัย หรือณรงค์ ผดุงศักดิ์ อายุ 60 ปี หนึ่งในกลุ่มแกนนำ นปช.คนเสื้อแดง จ.อ่างทอง ถูกกลุ่มคนแต่งกายชุดคล้ายทหารพร้อมอาวุธครบมือ 20 นาย เข้าตรวจค้นภายในร้านลำโพงบ้านหม้อ เมื่อเช้าตรู่ของวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ต่อมามีหมายจับของศาลทหารเป็น 1 ใน 17 คนและมีการนำเสนอข่าวในสื่อมวลชนนั้น ทำให้ครอบครัวและเพื่อนฝูงต่างเดินทางไปที่กองปราบปรามทันที เพื่อให้กำลังใจ

ด้านคนในครอบครัวของเฮียสี่รายหนึ่งเผยว่า “รู้สึกดีใจที่เห็นเฮียสี่อยู่ในอาการที่ยังยิ้มแย้ม และร่างกายแข็งแรง พรุ่งนี้คงจะเดินทางไปขอเยี่ยม เนื่องจากทางครอบครัวเป็นห่วงมาก ถึงแม้ไม่รู้ว่าจะได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้หรือไม่ก็ตาม”

เผยเคยเคลื่อนไหวกับนปช.

สำหรับนายเหนือไพร เซ็นกลาง อายุ 41 ปี ชาว จ.สกลนคร 1 ใน 17 ผู้ต้องหา เป็นบุคคลที่อยู่ในพื้นที่รอยต่อ จ.กาฬสินธุ์ เคยเคลื่อนไหวกับกลุ่ม นปช.ในพื้นที่ จ.สกลนคร ประมาณ 2-3 ครั้ง เมื่อปี 2553 โดยไม่ได้เป็นแกนนำแนวหน้า อาศัยการทำงานประสานงานกลุ่มฮาร์ดคอร์อยู่เบื้องหลัง จึงไม่ค่อยมีใครรู้จัก ปัจจุบันนายเหนือไพรไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ในพื้นที่ ภายหลังเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัวนายเหนือไพร ที่บ้านพัก ต.สร้างค้อ อ.ภูพาน จ.กาฬสินธุ์ ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่พบภาพถ่ายของนายเหนือไพรถ่ายรูปกับบุคคลต่างๆ รวมถึงอดีตนายกรัฐมนตรี

ส่วนนายศรวัชย์ กุระจินดา อายุ 60 ปี ชาว จ.มหาสารคาม ที่ถูกหมายจับด้วย เป็นกลุ่ม นปช.มหาสารคาม ประกอบอาชีพขายอาหารตามสั่งอยู่บริเวณถนนด้านหลังสถานีขนส่งจังหวัดมหาสารคาม ที่ผ่านมาได้เข้าร่วมกิจกรรมของคนเสื้อแดงที่จัดขึ้นเกือบทุกครั้ง แต่ไม่ใช่ระดับแกนนำในพื้นที่ที่มีบทบาทหรือระดับสั่งการแต่อย่างใด

แกนนำ นปช.ใน จ.มหาสารคาม เผยว่า นายศรวัชย์จะเข้าร่วมกิจกรรม นปช.ด้วยตลอด แต่ไม่ใช่กลุ่มฮาร์ดคอร์เสื้อแดง เป็นคนมีใจรักประชาธิปไตย เท่าที่ร่วมงานกันมาไม่เคยเห็นว่านายศรวัชย์นิยมความรุนแรง เป็นคนทำมาหากินคนหนึ่ง ช่วงหลังทราบว่าหันไปขายสินค้าทางการเกษตรให้กับเกษตรกรทั่วไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image