วันที่ 23 สิงหาคม เมื่อเวลา 12.30 น. ที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 23 หรือ มทบ.23 ได้มีเจ้าหน้าที่จากทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น ควบคุมตัวนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน มาทำการขึ้นพิจารณาไต่สวนของตุลาการทหาร มทบ.23 ตามการประสานขอเลื่อนนัดการไต่สวนจากเดิมคือวันที่ 26 ส.ค.2559 มาเป็นเวลา 13.00 น.วันนี้ ผู้ต้องหาในคดีชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ใขัดคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หลังศาล มทบ.23 ได้ขอเบิกตัวมาพิจารณาไต่สวนตามคำร้องของทีมทนายความจากองค์กรสิทธิมนุษยชนและทนายความส่วนตัวของผู้ต้องหา โดยมีคนในครอบครัวของนายจตุภัทร์ และสมาชิกกลุ่มนักศึกษาดาวดิน ตลอดจนกลุ่มชาวบ้านที่นายจตุภัทร์เคยร่วมงาน กลุ่มนักศึกษาและอาจารย์จากหลายมหาวิทยาลัยมาให้กำลังใจ
โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้รถยนต์ควบคุมตัวผู้ต้องหา 1 คัน และรถตู้ของกำลังเจ้าหน้าที่อีก 1 คัน ควบคุมตัวนายจตุภัทร์มาถึง จากนั้นได้นำตัวไปที่ห้องควบคุมตัวชั้น 1 ของอาคารศาล มทบ.23 ทันที โดยนายจตุรภัทร์ อยู่ในชุดของผู้ต้องหามีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส และกล่าวทักทายกับผู้ที่มารอรับและให้กำลังใจอย่างเป็นกันเอง
นายอานนท์ นำภา ทนายความจากกลุ่มทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนและเป็นทนายความประจำตัวของนายจตุภัทร์ กล่าวว่า หลังจากศาล มทบ.23 ได้มีคำสั่งให้จำเลยมารายงานตัวและพิจารณาไต่สวนในวันที่ 26 ส.ค. แต่เมื่อวานที่ผ่านมา (22 ส.ค.) จ่าศาลฯได้ประสานงานขอให้เลื่อนการไต่สวนและพิจารณาตามคำร้องดังกล่าวให้เร็วขึ้นและลงนัดในการเลื่อนการไต่สวนมาเป็นวันนี้ ทำให้แนวทางการต่อสู้และการนำเสนอและแถลงต่อศาลได้มีการเตรียมเอกสารหลักฐานที่ยืนยันว่าไผ่นั้นป่วยจริง และขอเบิกบิดา-มารดาและน้องสาวของไผ่ ขึ้นให้ปากคำด้วย
“การพิจารณาไต่สวนคดีดังกล่าวนี้ ไผ่ตกเป็นผู้ต้องหาหลังขัดคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.จากการชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ซึ่งได้ถูกตำรวจขอนแก่นออกหมายจับและทำการควบคุมตัวมาจากเรือนจำภูเขียว ซึ่งในทางกฎหมายได้ยื่นคำร้องต่อศาลทหาร ในการขอให้ศาลยกฟ้องในคดีดังกล่าวเนื่องจากมีการประทับรับฟ้องและกระทำการเลยเวลาราชการ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย จึงได้ร้องขอให้ปล่อยตัวจำเลยในระหว่างการพิพากษาตามมาตรา 71 วรรคสาม และมาตรา 110 วรรคสอง เนื่องจากจำเลยถูกจับกุมดำเนินคดีที่ไม่เป็นธรรมและมีอาการป่วย จึงขอให้ศาลปล่อยตัวระหว่างการพิจารณาโดยไม่มีประกันและไม่มีหลักประกัน” นายอานนท์กล่าว
ด้านนายวิบูลย์ บุญภัทรรักษา บิดาของนายจตุภัทร์ กล่าวว่า ยังคงมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของไทย การพิจารณาไต่สวนคดีของลูกชาย ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้มีการนำสำเนาการสั่งควบคุมตัวของศาลทหาร ไปยื่นคำร้องต่อศาลภูเขียว จ.ชัยภูมิ เพื่อถอนคดีแต่ศาลไม่อนุญาต โดยทุกฝ่ายต้องน้อมรับคำสั่งศาลและทำการต่อสู้ทางคดีในด้านต่างๆ ต่อไป
ต่อมาเวลา 15.00 น. นายอานนท์กล่าวว่า ศาลได้มีการพิจารณาไต่สวนตามคำร้องที่ จำเลยได้ยื่นต่อศาลใน 3 ประเด็นหลัก ซึ่งผลการพิจารณา แยกเป็นการยกคำร้องตามที่จำเลยนั้นให้ยกฟ้องคดีดังกล่าว เนื่องจากมีการกระทำการเกินเวลาราชการโดยขัดต่อกฎหมาย ซึ่งศาลวิเคราะห์แล้วว่าสามารถกระทำได้ เนื่องจากฝ่ายโจทก์ คือกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยพื้นที่ขอนแก่นมีการประสานงานกับศาลโดยตลอด และเมื่อมีการควบคุมตัวผู้ต้องหานำส่งต่อศาลฯ โดยอัยการศาลทหารจึงสั่งฟ้องและศาลได้ประทับรับฟ้อง จึงเป็นสิ่งที่จะกระทำได้ ในประเด็นนี้ศาลจึงยกคำร้องไป ขณะที่ประเด็นที่สอง คือการยื่นคำร้องให้ปล่อยตัว ตามมาตรา 71 วรรคสาม และมาตรา 110 วรรคสอง โดยไม่มีหลักประกันและไม่มีประกัน เองจากจำเลยมีอาการเจ็บป่วย ในประเด็นนี้ศาลยกคำร้องเช่นกัน เนื่องจากระเบียบของศาลทหารนั้นไม่มี
“จากการยกคำร้องดังกล่าว ศาลฯได้มีการนัดไต่สวนคดีความทั้งหมดทั้งฝายโจทก์และจำเลย ในวันที่ 27 ต.ค.2559 แต่จากการหารือร่วมกับผู้ปกครองและคนในครอบครัวแล้ว ได้ขอยื่นประกันตัวไผ่ ต่อศาลทหาร มทบ.23 ในวงเงินประกัน 5,000 บาท โดยใช้เหตุผลของการที่ผู้ต้องหาป่วยต้องออกมารักษาอาการที่เจ็บป่วยจากทีมแพทย์ และการเปิดภาคเรียน ซึ่งจำเลยต้องไปเรียนต่อในคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการยื่นขอประกันตัวและรอศาลฯสั่งอีกครั้ง” นายอานนท์กล่าว
พ.ท.พิทักษ์พล ชูศรี หัวหน้าชุดปฏิบัติการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยพื้นที่ขอนแก่น กล่าวว่า มีคำสั่งเด็ดขาดห้ามจัดกิจกรรมชุมนุมหรือการกระทำเชิงสัญลักษณ์ใดๆ ในพื้นที่โดยเด็ดขาด หากพบการกระทำผิดหรือการกระทำที่ฝ่าฝืนก็จะจับกุมทันทีตามอำนาจหน้าที่ในเขตพื้นที่ทหาร ขณะที่บริเวณทางเข้า-ออก ทุกจุดมีการตรวจค้นอย่างละเอียดเพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงหรือเหตุการณ์ใดๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ดีจนถึงขณะนี้ก็ยังคงไม่มีเหตุการณ์ใดๆ ทุกคนมีการทำความเข้าใจและปฏิบัติตามคำสั่งด้วยดี
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากที่ศาล มทบ.23 ได้ยกคำร้องดังกล่าว และฝ่ายทนายความและครอบครัวของผู้ต้องหาได้ยื่นขอประกันตัว ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องทำการควบคุมตัวนายจตุภัทร์ กลับไปคุมขังอยู่ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น ตามเดิม เพื่อปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยทันทีที่นายจตุรภัทร์เดินออกมาจากศาลเพื่อขึ้นรถของกรมราชทัณฑ์นั้นมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มและยกมือขึ้นทั้งสองข้างในลักษณะของการให้กำลังใจว่าสู้ๆ ก่อนเดินขึ้นรถกรมราชทัณฑ์โดยมีกำลังสารวัตรทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยคุ้มกันอย่างแน่นหนา
