บิ๊กตู่ สอนน.ศ.อย่าสนแต่ประชามติ-กินไม่ได้ ปชต.ต้อง’ไม่เอาปืนมาไล่ยิงคน’

บิ๊กตู่” ขอร้องคณาจารย์-นักศึกษาว่าอย่าคิดแต่ประชาธิปไตยและประชามติ ไล่ไปถามไอ้ลูกหมา ใครเอาปืนมายิงคน “ย้ำ” ไม่ปล่อยตัวนักศึกษาเพราะกฎหมายต้องเป็นกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงภารกิจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อติดตามการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล ว่าเมื่อเวลา 08.30 น. นายกรัฐมนตรีเดินทางถึงโรงแรมราชภัฏกรีนวิว มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด เพื่อเป็นประธานการประชุมและติดตามการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลกับหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

โดยก่อนการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ได้ทักทายและพูดคุยกับคณาจารย์และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ดที่มารอต้อนรับ โดยกล่าวกับกลุ่มคณาจารย์ว่า “ที่ผ่านมาบ้านเมืองวิกฤต เพราะฉะนั้นไม่ใช่อะไรๆ ก็จะต้องประชาธิปไตยหรือประชามติอย่างเดียว และถ้ามันไม่เลวร้ายผมคงไม่เข้ามา อย่าคิดแต่เรื่องประชามติ ประชาธิปไตยอย่างเดียว มันกินได้หรือไม่ ประชาธิปไตยคือความเห็นต่างโดยไม่เอาปืนมาไล่ยิงคน ถามว่าใครยิงคน ทหารยิงหรือ ไปถามไอ้ลูกหมาโน่น ต้องขอโทษนะที่พูดไม่เพราะ”

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้ทักทายและพูดกับนักศึกษาว่า “วันนี้ให้ช่วยกันอย่าไปคิดเรื่องเดิมๆ โดยเฉพาะเรื่องของความขัดแย้ง บ้านเมืองต้องแก้ไขโดยพวกเรา เข้าใจกันนะ ผมไม่ได้คาดหวังอะไรซักอย่าง กฎหมายมันละเว้นไม่ได้ขอให้ไปบอกเพื่อนๆ ด้วย จะให้ปล่อยตัวมันจะปล่อยได้อย่างไร เพราะกฎหมายก็ต้องเป็นกฎหมาย ทุกอย่างมีขั้นตอนและกระบวนการ”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่ง ก่อนการประชุมว่า วันนี้ที่มาจังหวัดร้อยเอ็ด อยากเรียนว่า ความจริงตนพร้อมที่จะไปในทุกจังหวัดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดใด จะชอบหรือไม่ชอบ ก็จะไป เพราะมีความตั้งใจและมีความปรารถนาดีกับทุกคน วันนี้เราพยายามที่จะร่วมมือกันทำอย่างไร ที่จะให้ร้อยเอ็ดมีการพัฒนาอย่างยั่งยืนและเป็นระบบ รวมทั้ง การสร้างความเข้าใจกับพวกเราทุกคนและประชาชนในทุกมิติว่า วันนี้เรากำลังเดินหน้าประเทศกันอย่างไรและร้อยเอ็ดจะมีส่วนร่วมได้อย่างไร ผมไม่ต้องให้ประชาชนเข้าใจอะไรที่ผิดหรือถูกบิดเบือน เราต้องสร้างคนของเราให้รู้จักคิด เข้าใจเหตุผลและเข้าใจถึงหลักการของเรา ในการที่จะพัฒนาประเทศและการใช้จ่ายงบประมาณ จะต้องสร้างการรับรู้และความเข้าใจกับทุกคนว่าประเทศไทยนั้นเป็นหนึ่งเดียว มี 77 จังหวัด เพราะฉะนั้นจะต้องนึกถึงคนอื่นด้วย แล้วรัฐบาลเองก็ไม่สามารถที่จะหางบประมาณเพิ่มเติมได้เลยในช่วงที่ผ่านมา เพราะช่วงที่ผ่านมานั้น ไม่อยากจะใช้คำว่ามันล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เพราะแม้จะมีความเจริญอย่างไร แต่ก็เป็นความเจริญท่ามกลางภยันตรายระยะยาว ซึ่งเกิดจากความล้มเหลวทั้งหมด เพราะฉะนั้นการที่ต้องเข้ามาวันนี้ใช้เวลามา 2 ปี เพื่อแก้ปัญหา เพื่อที่จะเดินหน้าประเทศและสร้างความเข้าใจในทุกภาคส่วน ทั้งภาคราชการ ภูมิภาคและท้องถิ่น ทุกคนก็ต้องร่วมมือกันและเข้าใจตรงกัน ไม่เช่นนั้นเราก็เดินหน้าต่อไปไม่ได้

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image