| ที่มา | มติชนรายวัน |
|---|---|
| เผยแพร่ |
นายสมศักดิ์ ศรีรัตนประภาส นายกสมาคมผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่แห่งประเทศไทยคนใหม่ เปิดเผยถึงทิศทางและนโยบายของสมาคม หลังรับตำแหน่งว่า สมาคมฯมีนโยบายผนึกกำลังกับหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐให้มีการประสานงานและสร้างความเข้าใจมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ปรับเปลี่ยนกฎหมาย กฎระเบียบข้อบังคับต่างๆ เกี่ยวข้องกับการนำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่จากต่างประเทศ ก่อให้เกิดประโยชน์สำหรับการดำเนินธุรกิจและผลประโยชน์ของประเทศไทย โดยคณะทำงานที่มีความรู้และความเข้าใจในขั้นตอนการดำเนินงานของทั้งธุรกิจรถยนต์นำเข้าและหน่วยงานของภาครัฐต่างๆ เพื่อสานความเข้าใจให้บรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกัน โดยเฉพาะในเรื่องของการรณรงค์การนำเข้ารถยนต์ถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมายกำหนด และร่วมต่อต้านการนำเข้ารถยนต์ผิดกฎหมาย รวมถึงรถยนต์หนีภาษี ถือเป็นเรื่องสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้แก่บริษัทผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่เป็นอย่างมาก ทั้งสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้บริโภค และทำให้หน่วยงานราชการขาดรายได้นำมาสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติอีกด้วย
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ดังนั้นทางสมาคมฯจึงมีแนวนโยบายชัดเจนรณรงค์ไม่ให้สมาชิกของสมาคมฯกระทำผิดกฎหมาย และร่วมกันสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคว่ารถยนต์ที่นำเข้าและจำหน่าย โดยผ่านบริษัทที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ จะไม่มีรถยนต์กระทำผิดกฎหมายอย่างแน่นอน เพราะสมาคมฯไม่ต้องการสร้างความเดือดร้อนหรือเอาเปรียบผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม ด้วยมาตรฐานการกำหนดภาษีรูปแบบใหม่ รวมถึงการจัดทำอีโค สติ๊กเกอร์ (ECO Sticker) ถือเป็นแนวคิดที่ดี มีประโยชน์ต่อผู้บริโภค แต่เป็นเรื่องใหม่ มีขั้นตอนยุ่งยากซับซ้อน ใช้เวลาค่อนข้างนาน เนื่องจากต้องร่วมงานกับหน่วยงานของภาครัฐถึง 4 หน่วยงาน ประกอบกับอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ และสถานที่ตรวจสอบค่ามาตรฐานยังมีไม่เพียงพอต่อปริมาณรถยนต์นำเข้า ทำให้บริษัทผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ต้องเผชิญกับปัญหาการกำหนดราคาจำหน่าย เนื่องจากไม่สามารถวิเคราะห์ต้นทุนได้อย่างแท้จริง ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนมีการผันผวน ส่งผลกระทบต่อต้นทุนในการจำหน่ายรถยนต์อีกด้วย
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นโยบายเร่งด่วนอีกเรื่องคือ ทางสมาคมฯมีนโยบายจะเร่งผลักดันการเจรจากับกระทรวงการคลัง เพื่อขอปรับลดอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ให้ต่ำลงกว่าอัตราปัจจุบัน เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรี และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้บริโภคคนไทยที่ต้องการความหลากหลาย ประกอบกับอัตราภาษีดังกล่าวมีอัตราสูงมากเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน และประกาศใช้มาเป็นเวลานานมากกว่า 30 ปี ทำให้ไม่เหมาะกับการแข่งขันหรือการดำเนินธุรกิจในยุคปัจจุบัน ทางสมาคมฯมีนโยบายจะขอเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อปรึกษาหารือในเรื่องดังกล่าว
“ปัจจุบันรถยนต์ประเภท 11 ที่นั่ง ไม่สามารถนำเข้ามาจำหน่ายได้เป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว เพราะติดปัญหาการตีความของกรมศุลกากรว่าจะมีการนำเข้ามาดัดแปลงเป็นรถไม่เกิน 7 ที่นั่ง ทั้งที่เป็นหน้าที่ของกรมสรรพสามิต ไม่ใช่กรมศุลกากร ส่งผลกระทบให้รถประเภทดังกล่าวหลายรุ่นไม่สามารถนำเข้ามาจำหน่ายได้ เช่น โฟล์กคาราเวล เบนซ์วีโต้ และอีกหลายรุ่น ขณะนี้สมาคมทำเรื่องร้องผู้ตรวจการแผ่นดินไปแล้ว มีการหารือร่วมกันไปบ้าง แต่ยังไม่ได้ข้อยุติ คาดว่าอาจจะต้องถึงขั้นขอความเป็นธรรมต่อศาลภาษี เพราะร้องขอความเป็นธรรมกันมานาน แต่ไม่เป็นผล” นายสมศักดิ์กล่าว และว่า นอกจากนี้ สมาคมฯจะวางระเบียบและมาตรฐานของสมาชิกในสมาคมฯที่พึงปฏิบัติต่อลูกค้า เพื่อลดปัญหาผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบ โดยจัดตั้งเป็นศูนย์กลางรับเรื่องราวร้องเรียน หรือเรื่องร้องทุกข์ต่างๆ ของผู้บริโภคที่ประสบปัญหาในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์และบริการหลังการขายจากบริษัทผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์จากต่างประเทศ
