| ที่มา | มติชนรายวัน |
|---|---|
| เผยแพร่ |
พระศรีธรรมภานี (วัลลภ โกวิโล) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส ในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานพระสอนศีลธรรม มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) กล่าวถึงกรณีที่มีครูพระสอนศีลธรรม ในพื้นที่จ.อุบลราชธานี ถูกจับในคดีข่มขืนกระทำชำเรา พรากผู้เยาว์ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีเรื่องร้องเรียนเรื่องครูพระข่มขืนลูกศิษย์ อาตมาจึงไม่ทราบว่าครูพระรูปดังกล่าวสังกัดมหาวิทยาลัยใด เพราะโครงการพระสอนศีลธรรมจัดขึ้นโดยมหาวิทยาลัยสงฆ์ 2 แห่ง คือ มจร และมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย(มมร) อย่างไรก็ตามคำว่าพระสงฆ์ก็คือตัวแทนของพุทธศาสนา ถ้าประพฤติผิดพระวินัยก็มีผลทำให้ภาพรวมของพระสงฆ์ทั้งหมดเสียหาย ทั้งนี้สำนักงานพระสอนศีลธรรมของ มจร มีพระสอนศีลธรรมที่อยู่ในโครงการทั่วประเทศทั้งหมดจำนวน 18,000 รูป โดยจะรับสมัครพระสงฆ์ที่มีความรู้นักธรรมเอกขึ้นไป เข้ามาปฐมนิเทศขั้นพื้นฐาน อาทิ แผนการสอน ภาระหน้าที่ที่รับผิดชอบ เป็นต้น จากนั้นจะสอบวัดความรู้ ก่อนที่พระสงฆ์จะออกไปสอนนักเรียนตามโรงเรียนต่างๆ ส่วนเรื่องจรรยาของพระสงฆ์นั้นทางสำนักงานฯได้อบรมให้ความรู้เช่นกัน โดยเน้นให้พระสงฆ์ระวังเรื่องการวางตัวให้มาก โดยใช้ศีล 227 ข้อที่เป็นวินัยสงฆ์กำกับ หากตรวจสอบพบครูพระทำผิดพระวินัย เจ้าอาวาสที่พระสงฆ์รูปดังกล่าวสังกัดอยู่ จะเป็นผู้พิจารณาโทษเป็นลำดับแรก
พระศรีธรรมภานี กล่าวต่อว่า เป็นครูพระสอนศีลธรรม ต้องระวังเรื่องศีลธรรมให้มาก มีหน้าที่สอนก็ต้องตั้งใจสอน เมื่อลูกศิษย์เดือดร้อนแล้วมาปรึกษา สามารถแสดงความห่วงใยและให้คำปรึกษาได้ แต่อย่ายุ่งเรื่องส่วนตัวลูกศิษย์มากเกินไป เพราะจะทำให้เกิดความพัวพันจนเกิดกรณีชู้สาว ส่วนเรื่องครูพระข่มขืนลูกศิษย์นั้น อาตมามองว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล เพราะการที่พระสงฆ์จะให้ลูกศิษย์เข้าไปหาที่กุฏิได้นั้น ต้องรู้เห็นเป็นใจกันทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนกิจกรรมที่ต้องค้างแรมที่วัดส่วนมากจะค้างแรมเป็นหมู่คณะ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่พระสงฆ์จะเข้าไปข่มขืนเด็ก
“อยากฝากถึงผู้ปกครองให้ช่วยเป็นหูเป็นตา หากมีกรณีที่นักเรียนทั้งหญิงและชายขอค้างแรมที่วัดแบบเดี่ยว ผู้ปกครองต้องพิจารณาว่าจะอนุญาตหรือไม่ หรือติดตามไปดูแลเด็กด้วยก็ดี ทั้งนี้ขอให้ครูพระอย่าลืมเป้าหมายหรือหน้าที่ที่ มจร ส่งให้ไปทำ คือ ปลูกฝังศีลธรรมให้ปรากฏในนักเรียน” พระศรีธรรมภานี กล่าว
