สมาพันธ์ดิจิทัลฯค้านร่างแก้ไข พ.ร.บ.คอมพ์ ชี้เปิดช่องให้รัฐบล็อกเว็บไซต์

สมาพันธ์ดิจิทัลไทยยื่นหนังสือคัดค้าน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 20 (4) ที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ไปขออำนาจศาลบล็อกเว็บไซต์ได้ แม้ว่าจะไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ระบุกระทบต่อเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นและมีผลต่อการเติบโตของของเศรษฐกิจดิจิทัล

เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้แทนสมาพันธ์ดิจิทัลไทย นำโดยนายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ที่ปรึกษาสมาพันธ์ฯ, น.ส.กนกพร ประสิทธิ์ผล นายกสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์, นายกิตติรักษ์ ม่วงมิ่งสุข นายกสมาคมศึกษาและพัฒนาโอเพ่นซอร์สและนายศุภเสฏฐ์ ชูชัยศรี นายกสมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย ได้ร่วมกันยื่นหนังสือแสดงความคิดเห็นต่อการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่อ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และนายวิทยา ฉายสุวรรณ สนช.

เนื้อหาของหนังสือดังกล่าวระบุว่า สมาพันธ์ดิจิทัลไทยสนับสนุนการแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ในทุกมาตราเว้นแต่มาตรา 20(4) ซึ่งมีรายละเอียดว่า

“ในกรณีที่มีการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังต่อไปนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีอาจยื่นคำร้องพร้อมแสดงพยานหลักฐานต่อศาลที่มีเขตอำนาจ ขอให้มีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นออกจากระบบคอมพิวเตอร์ได้

Advertisement

ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ไม่เป็นความผิดต่อกฎหมายอื่นแต่มีลักษณะขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ซึ่งคณะกรรมการกลั่นกรองข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าวตามที่รัฐมนตรีแต่งตั้งมีมติเป็นเอกฉันท์ให้พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีอาจยื่นคำร้องพร้อมแสดงพยานหลักฐานต่อศาลที่มีเขตอำนาจขอให้ศาลมีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลาย หรือลบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นออกจากระบบคอมพิวเตอร์ได้…”

ทั้งนี้ สมาพันธ์ดิจิทัลไทยได้พิจารณาร่วมกันแล้ว มีความเห็นว่าบทบัญญัติดังกล่าวมีหลักการที่ขัดต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ควรจะถูกจำกัดสิทธิเฉพาะในเรื่องที่ผิดกฎหมายอย่างชัดแจ้ง การมีบทบัญญัติเช่นนี้ ย่อมกระทบกระเทือนต่อสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน ตลอดจนอาจมีผลกระทบต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมตามนโยบายของรัฐบาล

ด้าน พล.ต.อ.ชัชวาลย์ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ เปิดเผยว่า ประเด็นที่ทางสมาพันธ์เสนอความคิดเห็นมานั้น คณะกรรมาธิการกำลังพิจารณาอยู่ โดยจะรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายให้รอบด้าน เพื่อให้เกิดความสมดุลกันระหว่างสิทธิเสรีภาพของประชาชนกับปัญหาด้านความมั่นคง โดยจะมีการนำความเห็นของทางสมาพันธ์ฯ เข้าพิจารณาในคณะกรรมาธิการด้วย

สมาพันธ์ดิจิทัลไทยก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 21 เม.ย.2559 โดยเป็นการรวมตัวของสมาคมและชมรมทางด้านดิจิทัลทั้งหมด 9 องค์กร ได้แก่ 1.สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ 2.สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย 3.สมาคมผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตไทย 4. สมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) 5.สมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย 6.สมาคมการค้าเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการเทคโนโลยีรายใหม่ 7.สมาคมศึกษาและพัฒนาโอเพ่นซอร์ส 8.สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และ 9.ชมรมนักข่าวสายเทคโนโลยีสารสนเทศ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image