ไทยเบฟฯ เดินหน้าซื้อกิจการ บุกโลจิสติกส์-ไฮสปีดเทรน (คลิป)

มติชน สมาร์ทบิซ วันที่ 29 ส.ค.2559

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงแผนการลงทุนในปีหน้าว่า บริษัทจะให้น้ำหนักกับการเพิ่มรายได้จากกลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เช่น น้ำดื่ม และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เพราะเป็นตลาดที่ใหญ่และมีศักยภาพ เนื่องจากสินค้าสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ทุกเพศทุกวัย ตลอดจนเดินหน้าลงทุนในต่างประเทศ

โดยจะโฟกัสในกลุ่มซีแอลเอ็มวี ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม เป็นหลัก เพื่อรับกับโอกาสจากเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

Advertisement

โดยลงทุนซื้อกิจการก็จะเน้นไปที่ตลาด CLMV เช่นกัน โดยเฉพาะในเวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดประชากรจำนวน 90 ล้านคน มีเสถียรภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านของอัตราการบริโภคและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เช่น วินามิลค์ หรือบริษัทเวียดนาม ไดรี่ โปรดักส์ จำกัด ผู้ผลิตนมรายใหญ่ในเวียดนาม

กรรมการผู้จัดการใหญ่ ยังระบุต่อไปว่า ขณะนี้กำลังจัดทำแผนทำโลจิสติกส์ฮับใหม่ ในรูปแบบของโมเดิร์นแวร์เฮาส์สเปซ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ลดต้นทุน และประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ คาดว่าจะเปิดนำร่อง 19 แห่งในเร็วๆ นี้ เพื่อเป็นศูนย์ในระดับภูมิภาค รองรับการขยายตัวของธุรกิจในเครือไทยเบฟฯ และคู่ค้าของบริษัท

นายฐาปนระบุว่า โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หัวหิน ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ และประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ เคยระบุว่าบริษัทมีความสนใจลงทุนนั้น ทางไทยเบฟฯไม่ได้เป็นผู้เข้าไปดูแลโดยตรง แต่ทีซีซีกรุ๊ป เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งทางกรุ๊ปมองว่าการขนส่งระบบรางมีความสำคัญและมีประโยชน์ที่ดี เพราะประเทศที่พัฒนาแล้วก็มีการใช้กันอย่างแพร่หลาย

Advertisement

หัวเรือใหญ่บริษัทไทยเบฟฯ ชี้ว่า หลังจากในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยมีการเติบโตถดถอยมาอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้สถานการณ์เริ่มปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งความเชื่อมั่นและอารมณ์ในการจับจ่ายของผู้บริโภค ตลอดจนความพร้อมในการลงทุนของภาคเอกชน จากเม็ดเงินของภาครัฐที่อัดฉีดเข้าไปยังครัวเรือนมีการหมุนในระบบเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนหมู่บ้าน และการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ และระบบสาธารณูปโภค ฯลฯ

นายฐาปนยังย้ำอีกด้วยว่า เป้าหมายของบริษัทในปี 2563 คือการขึ้นเป็นผู้นำ 1 ใน 3 ของเครื่องดื่มครบวงจรในเอเชีย ซึ่งปัจจุบันบริษัทถือเป็นผู้นำอันดับต้นๆ ในอาเซียนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย มีการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด รายได้ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 100,625 ล้านบาท เติบโต 18.8% มีกำไรสุทธิ 14,482 ล้านบาท เติบโต 16%

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image