เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 30 สิงหาคม ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(รอง ผบช.ก.) และพล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ รอง ผบช.ก. เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนคลี่คลายคดีแอบอ้างเบื้องสูง ภายหลังกำลังตำรวจบก.ป.เข้าจับกุม นางกมนทรรศน์ ธนธรณ์โฆษิตจิร หรือแม่ตุ่ม หรือนางกิมเอ็ง แซ่เตียว อายุ 62 ปี พี่สาวของนางมณตา หยกรัตนกาญ หรือนางไก่ ผู้ต้องหาหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ร่วมกันฉ้อโกง และร่วมกันปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม หลังจากพบพฤติกรรมออกรายการสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง มีการแอบอ้างเบื้องสูง หลอกลวงผู้เสียหายให้ร่วมทำบุญโดยเสด็จพระราชกุศล จนมีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้นางกมนทรรศน์ 17 ครั้ง จำนวน 2,979,300 บาท แล้วมีการออกหนังสือปลอมอ้างว่าออกโดยสำนักพระราชวัง โดยใช้เวลาในการประชุมติดตามความคืบหน้าคดีกว่า2ชั่วโมงครึ่งจึงเสร็จสิ้น
พล.ต.ต.สมหมาย กล่าวว่า สำหรับคดีนี้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับนางกิมเอ็ง เพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.แล้ว พบพฤติการณ์ว่า หลอกลวงนำเงินจากผู้เสียหายไปซื้อผลไม้หลายครั้ง มูลค่ารวม 7 ล้านบาท
พล.ต.ต.สมหมาย กล่าวต่อว่า ส่วนนายทหารยศ พล.ต. และ พ.อ.ที่จะเข้าแจ้งความในฐานะที่ตกเป็นผู้เสียหายด้วยนั้น ได้รับการประสานมาแล้วว่าจะเข้าแจ้งความในช่วงเย็นวันนี้ แต่เท่าที่ทราบยังมีบางส่วนที่ยังไม่กล้าออกมาแจ้งความ อย่างไรก็ดีจนถึงขณะนี้น่าจะมีผู้เสียหายในคดีเข้าแจ้งความแล้ว 5-6 ราย และสำหรับคดีนี้มีการสืบสวนขยายผล โดยทางเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมไว้แล้ว 2 ราย ประกอบด้วย นายถาวร พวงประทุม อายุ 66 ปี อดีตพนักงานสำนักพระราชวังพิเศษ ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1651/2559 ลงวันที่ 29 สิงหาคม 2559 และนายสมศักดิ์ สิริยาคม อดีตพนักงานสำนักพระราชวังพิเศษ ฐานหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และร่วมกันฉ้อโกง โดยทาง พ.ต.อ.ปัญญา ปิ่นสุข รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์(ผบก.ปคม.)พร้อมกำลังเข้าจับกุม นายถาวร ไว้ได้แล้ว เมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา ภายในบ้านของนายถาวร ย่านห้วยขวาง กทม.ขณะนี้อยู่ระหว่างควบคุมตัวมาสอบปากคำเพื่อพิจารณาดำเนินคดีต่อไป
รอง ผบช.ก. กล่าวอีกว่า ขณะนี้จึงเหลือเพียงนายสมศักดิ์ ที่ยังคงหลบหนีอยู่ แต่คาดว่าน่าจะจับกุมตัวได้ในเร็ววันนี้ สำหรับพฤติการณ์ในการร่วมกระทำความผิดนั้น จะมีการแต่งตัวให้คล้ายกับเจ้าหน้าที่ หลอกลวงให้ประชาชนทั่วไปที่พบเห็นเชื่อถือว่าเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับบุคคลชั้นสูง มีการนำของที่ได้รับแจกจากพิธีการต่างๆมาดูแลและดำเนินการ ส่วนในรายละเอียดต่างๆนั้น คงไม่สามารถเปิดเผยได้เนื่องจากเป็นรายละเอียดทางคดี แต่ยืนยันว่าทางตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างรอบคอบรัดกุม และจะเร่งสืบสวนขยายผล หากพบว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องอีกจะดำเนินคดีทั้งหมด
“เชื่อว่าขบวนการนี้น่าจะยังมีผู้ที่เกี่ยวข้องอีกหลายราย เนื่องจากการตรวจสอบยอดเงินที่กลุ่มผู้ต้องหาได้รับมานั้น ยังสูญหายไปอีกเป็นจำนวนมาก นับเป็นสิบล้านบาท โดยไม่พบว่าหายไปอยู่กับใคร ทางชุดสืบสวนอยู่ระหว่างตรวจสอบเรื่องเส้นทางการเงิน ส่วนจะมีผู้เกี่ยวข้องอีกกี่รายนั้นยังตอบไม่ได้ แต่คาดว่าน่าจะมีเยอะ เพราะขบวนการนี้ทำกันมานานนับตั้งแต่นางกิมเอ็ง ออกจากเรือนจำมาก็ไม่มีอาชีพอื่นใด นอกจากนี้ที่อ้างตัวว่าเป็นดอกเตอร์จากมหาวิทยาลัยเชอร์วู๊ด สหรัฐอเมริกา อยู่ระหว่างตรวจสอบ เบื้องต้นทราบว่าเป็นเพียงการแอบอ้างว่าได้รับวุฒิดังกล่าว” พล.ต.ต.สมหมาย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คดีนี้น่าจะมีข้าราชการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวพันในการกระทำความผิดด้วยหรือไม่ พล.ต.ต.สมหมาย กล่าวว่า จากที่ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าน่าจะเป็นลักษณะที่ถูกนางกิมเอ็งหลอกลวง มากกว่า คล้ายกับว่าถูกชักชวนไปเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับนางกิมเอ็ง หรือหากมีบางส่วนที่กระทำผิดน่าจะเป็นบุคคลที่เคยรับราชการจริงแต่ถูกไล่ออกหรือให้ออกจากงานไปแล้ว ทั้งนี้ ตนได้นัดหมายเพื่อประชุมติดตามความคืบหน้าคดีนี้อีกครั้งในวันที่ 20 กันยายนนี้ คาดว่าน่าจะสรุปสำนวนคดีได้
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ชุดสืบสวนพบความเชื่อมโยงระหว่างนางกิมเอ็ง นายถาวร และนายสมศักดิ์ ว่า มีส่วนรู้เห็นและร่วมกันกระทำความผิด โดยพบหลักฐานชัดเจนเป็นรูปถ่ายขณะที่นางกิมเอ็ง รับดอกไม้พระราชทานในงานวันเกิดจากสำนักพระราชวัง นายถาวรอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวังเชิญพานแจกันดอกไม้พระราชทาน ส่วนนายสมศักดิ์เป็นผู้มอบให้นางกิมเอ็ง สำหรับนายถาวรนั้น อดีตเคยดำรงตำแหน่งเป็นพนักงานสำนักพระราชวังพิเศษ
ต่อมาเวลา 16.30 น.วันเดียวกัน พล.ต.ต่อคุณ ภักดีชนก เจ้าของ หจก.ภักดีชนก พร้อม นายอาน้อม พงศ์กาญจนานุกูร หัวหน้าช่างภาพส่วนพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เดินทางเข้าพบคณะพนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และเข้าให้การในฐานะพยานในคดีของนางกิมเอ็ง ภายหลังปรากฏเป็นข่าวว่า ทาง หจก.ภักดีชนก เป็นผู้ผลิตวิดีทัศน์เฉลิมพระเกียรติ มีส่วนเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของนางกิมเอ็ง ทำให้ทาง หจก.ได้รับความเสียหาย
พล.ต.ต่อคุณ เปิดเผยว่า วันนี้ได้รวมตัวทีมงานผู้ผลิตสารคดีเฉลิมพระเกียรติดังกล่าว เพื่อเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนในฐานะพยาน โดยรู้จักกับนางกิมเอ็ง เมื่อประมาณเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ขณะที่ตนและทีมงานเดินทางไปลงนามถวายพระพร ที่ศาลาสหทัยสมาคม ภายในพระบรมมหาราชวัง หลังจากลงนามถวายพระพร เสร็จสิ้น นางกิมเอ็ง เข้ามาพูดคุยตีสนิท ผ่านการแนะนำจากบุคคลผู้หนึ่ง ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือว่า นางกิมเอ็ง รู้จักกับบุคคลชั้นสูง และติดต่อกันเรื่อยมา
พล.ต.ต่อคุณ กล่าวต่อว่า จากนั้นมีโครงการผลิตสารคดีเฉลิมพระเกียรติ นางกิมเอ็ง ขันอาสาโดยขอสมัครเป็นผู้ร่วมแสดงในวิดีทัศน์ดังกล่าว และช่วยเหลือในขั้นตอนการผลิตส่วนอื่นๆ แต่เมื่อปรากฏว่านางกิมเอ็ง ถูกจับกุมและมีภาพวิดีทัศน์จากสารคดีที่พวกตนจัดทำปรากฏออกมาทางสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ทำให้ถูกเข้าใจผิดว่าร่วมขบวนการกับนางกิมเอ็ง จึงต้องเข้าแจ้งความในครั้งนี้
พล.ต.ต่อคุณ กล่าวอีกว่า ได้นำพยานหลักฐานต่างๆ เป็นข้อความและรูปภาพต่างๆ ที่นางกิมเอ็ง ส่งมาให้ ทำให้หลงเชื่อว่า นางกิมเอ็ง รู้จักหรือใกล้ชิดกับบุคคลชั้นสูงจริง รวมทั้งจะนำรายชื่อผู้แนะนำให้ตนรู้จักกับนางกิมเอ็ง มาเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนต่อไป
ด้านนายอาน้อม กล่าวว่า ไม่ได้รู้จักกับนางกิมเอ็ง เป็นการส่วนตัว โดยนางกิมเอ็ง เข้ามาสมัครเป็นนักแสดงในสารคดีดังกล่าว แล้วภายหลังมีการสร้างความน่าเชื่อถือด้วยวิธีการต่างๆ จึงหลงเชื่อนางกิมเอ็ง
