ประกาศแล้ว!!! ม.44 ล็อต 7 ให้ 21 บิ๊กขรก. -บิ๊กตำรวจ- อปท. หยุดปฏิบัติหน้าที่

เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไชต์ ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่52/2559 เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 7 ทั้งนี้ในคำสั่งดังกล่าว มีรายชื่อ ข้าราชพลเรือน ข้าราชการตำรวจ ข้าราชการปกครองส่วนท้องถิ่น รวม 21 ราย

คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕๒/๒๕๕๙

เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ ๗ ตามที่มีคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๖/๒๕๕๘ เรื่อง มาตรการแก้ปัญหา เจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบและการกําหนดกรอบอัตรากําลังชั่วคราว ลงวันที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ และคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๙/๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งและให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดํารงตําแหน่งและปฏิบัติหน้าที่อื่น ลงวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ นั้น โดยที่หน่วยงานที่มีอํานาจหน้าที่ตรวจสอบได้เสนอรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่าง การถูกตรวจสอบ เนื่องจากถูกร้องเรียนหรือกล่าวหาว่าปล่อยปละละเลยให้มีการกระทําความผิดเกิดขึ้น ในพื้นที่ของตนหรือมีการทุจริต หรือประพฤติมิชอบ หรือดําเนินการหรือไม่ดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ จนเกิดความเสียหายแก่ทางราชการและมีมูลอันสมควรตรวจสอบ จึงจําเป็นต้องประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ และกําหนดมาตรการบางอย่างเพิ่มเติม อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคําสั่งดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ ให้ผู้ที่มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๑ ข้าราชการพลเรือน ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ ระงับ การปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในตําแหน่งเดิมเป็นการชั่วคราว และไปปฏิบัติราชการประจําหน่วยงานนั้น ตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย

ข้อ ๒ ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๒ ข้าราชการตํารวจ ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ ระงับ การปฏิบัติราชการโดยไม่ขาดจากตําแหน่งเดิมและให้ไปปฏิบัติราชการในหน่วยงานอื่นในสังกัดเดิม เป็นการชั่วคราว โดยผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ จะมีคําสั่งให้ไปปฏิบัติราชการในศูนย์ปฏิบัติการ ในกองบัญชาการตํารวจแห่งใดแห่งหนึ่งตามที่เห็นสมควรเพื่อความสะดวกในการตรวจสอบก็ได้

Advertisement

ข้อ ๓ ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๓ ผู้บริหารและผู้มีตําแหน่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดํารงตําแหน่งอยู่ เป็นการชั่วคราวโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน

ข้อ ๔ ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๔ ข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามบัญชีแนบท้าย คําสั่งนี้ ไปช่วยราชการที่ศาลากลางจังหวัดที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นตั้งอยู่หรือสถานที่ราชการอื่น ในจังหวัดนั้น ๆ ตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกําหนด แต่ต้องมิใช่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ อยู่เดิม โดยไม่ต้องมีคําร้องขอ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายเป็น ผู้บังคับบัญชามีอํานาจมอบหมายให้ผู้นั้นปฏิบัติงานตามความเหมาะสม

ในกรณีนี้ มิให้บุคคลดังกล่าวได้รับเงินประจําตําแหน่งและสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไป ราชการชั่วคราว ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๕๕ อันเนื่องจากการไปช่วยราชการตามคําสั่งนี้
ข้อ ๕ ให้ศูนย์อํานวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) แจ้งข้อเท็จจริงอันเป็นมูลเหตุ แห่งการตรวจสอบการปฏิบัติราชการของผู้นั้นให้หน่วยงานทราบ เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาแต่งตั้งคณะกรรมการ ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยต้องปรากฏผลให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจาก ศอตช. เพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้นั้นหรือเพื่อดําเนินการทางวินัยต่อไป ในกรณีที่ไม่อาจดําเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในกําหนดเวลาดังกล่าว ให้รายงานรัฐมนตรีเจ้าสังกัดของเจ้าหน้าที่ผู้นั้นแล้วแต่กรณีเพื่อขยายเวลาได้ ตามความจําเป็น
ในกรณีที่ผลการตรวจสอบพบว่าผู้ถูกตรวจสอบมีความผิดตามที่ได้รับแจ้ง หรือมีความผิด ประการอื่นที่เชื่อมโยงไปถึง ให้ผู้บังคับบัญชาดําเนินการทางวินัยและกฎหมายต่อไป ในกรณีที่ไม่พบว่า มีการกระทําความผิดหรือไม่ถึงขั้นต้องดําเนินการทางวินัย ให้เยียวยาแก่ผู้ถูกตรวจสอบโดยให้ไปดํารงตําแหน่ง ในระดับเดิมตามความเหมาะสม แต่ให้อยู่นอกพื้นที่เดิมก่อนเข้าสู่กระบวนการแต่งตั้งโยกย้ายในคราวต่อไป เมื่อดําเนินการใด ๆ ตามวรรคนี้แล้ว ให้แจ้ง ศอตช. ทราบ

Advertisement

ข้อ ๖ ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อ ๕ หากไม่พบว่ามีการกระทําความผิดหรือไม่ถึง ขั้นต้องดําเนินการทางวินัยให้ผู้บังคับบัญชาสรุปผลการตรวจสอบและพยานหลักฐานที่มีอยู่แล้วแจ้งให้ ศอตช. ทราบ ในการนี้ ให้ประธาน ศอตช. แต่งตั้งคณะบุคคลซึ่งเป็นหรือมิได้เป็นข้าราชการ ไม่มีข้อขัดแย้ง หรือส่วนได้เสียกับบุคคลหรือเรื่องที่มีการกล่าวหา และไม่เคยเป็นผู้ตรวจสอบเรื่องนี้มาก่อนมีจํานวน ๓ ถึง ๕ คน เพื่อตรวจสอบเปรียบเทียบผลการตรวจสอบเดิมของผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกตรวจสอบกับรายงาน หรือพยานหลักฐานที่มีอยู่อีกครั้งหนึ่งและให้มีอํานาจเชิญบุคคลมาให้ถ้อยคําได้โดยคณะบุคคลดังกล่าว อาจตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ถูกตรวจสอบแต่ละรายหรือหลายรายพร้อมกันก็ได้ ทั้งนี้ ให้แล้วเสร็จ ภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง

ในกรณีที่ผลการตรวจสอบพบว่าการตรวจสอบของผู้บังคับบัญชาถูกต้องแล้ว หรือไม่มีเหตุอันควร เปลี่ยนแปลงใด ๆ ให้แจ้งผู้บังคับบัญชาทราบ ในกรณีที่ผลการตรวจสอบไม่สอดคล้องกับผลการตรวจสอบเดิมของผู้บังคับบัญชา และมีเหตุ อันควรเปลี่ยนแปลง ให้สรุปพยานหลักฐานที่มีอยู่และหารือร่วมกับผู้บังคับบัญชาแล้วให้ผู้บังคับบัญชา ดําเนินการตามผลการหารือ โดยถือว่าการดําเนินการตามคําสั่งนี้ทุกขั้นตอนเป็นการดําเนินการทางวินัย โดยชอบด้วยกฎหมายสําหรับข้าราชการนั้น ๆ แต่ไม่ตัดสิทธิที่ผู้ถูกตรวจสอบจะอุทธรณ์ต่อไปตามกฎหมาย หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความผิดอาญาให้ผู้บังคับบัญชาดําเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ข้อ ๗ เมื่อได้ดําเนินการตามข้อ ๖ แล้ว ในกรณีไม่ปรากฏว่าผู้ถูกตรวจสอบมีความบกพร่องใดๆ ในการปฏิบัติงานหรือไม่มีมูลความผิดทางวินัยหรือความผิดอาญาหรือมีความผิดวินัยแต่มิใช่เป็นความผิดวินัย

อย่างร้ายแรงจึงมีเหตุอันควรงดโทษหรือรับโทษสถานเบาขั้นภาคทัณฑ์ ให้เยียวยาโดยให้ผู้ถูกตรวจสอบ ไปดํารงตําแหน่งในระดับเดิมตามความเหมาะสม แต่ให้อยู่นอกพื้นที่เดิม ยกเว้นผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๓ ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ให้กลับไปดํารงตําแหน่งหรือปฏิบัติหน้าที่เดิมได้ ทั้งนี้ ศอตช. อาจมีคําแนะนํา การเยียวยาด้วยก็ได้ โดยคํานึงถึงข้อมูลความเหมาะสมเกี่ยวกับตําแหน่งหน้าที่และพื้นที่ใหม่ การให้ ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกตรวจสอบ และประโยชน์ของทางราชการประกอบกัน

ข้อ ๘ ในกรณีจะเสนอให้นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีเปลี่ยนแปลงคําสั่ง หากปรากฏว่าผู้ มีรายชื่อตามคําสั่งยังคงถูกดําเนินการตรวจสอบจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ให้ ศอตช. รอผลการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติจนกว่า จะแล้วเสร็จหรือได้รับแจ้งให้ดําเนินการเยียวยาไปก่อนได้ จึงจะสามารถเสนอนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี เปลี่ยนแปลงคําสั่งได้ เพื่อประโยชน์ในการดําเนินการในกรณีของผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คําว่า ผู้บังคับบัญชา ให้หมายถึงผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้อง และคําว่า รัฐมนตรี ให้หมายถึงรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงมหาดไทย ในกรณีเยียวยาบุคคลดังกล่าว ซึ่งไม่อาจไปดํารงตําแหน่งอื่นนอกพื้นที่ได้ นายกรัฐมนตรี อาจเปลี่ยนแปลงคําสั่งนี้โดยให้ไปปฏิบัติงานในตําแหน่งเดิมได้

ข้อ ๙ ในกรณีที่ชื่อและตําแหน่งของผู้มีรายชื่อตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ไม่ตรงตามทะเบียน ประวัติของทางราชการแต่เห็นได้ว่าเป็นบุคคลเดียวกัน ให้หน่วยงานต้นสังกัดแจ้งสํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อดําเนินการแก้ไขให้ถูกต้องตรงตามที่เป็นจริงในปัจจุบัน
ข้อ ๑๐ การรับเงินเดือน สิทธิประโยชน์ หรือประโยชน์ตอบแทนใด ๆ ของผู้มีรายชื่อในกลุ่มต่างๆ ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการ
ข้อ ๑๑ ในกรณีมีปัญหา ให้สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนหรือส่วนราชการ เจ้าของเรื่องเสนอปัญหาและแนวทางดําเนินการให้นายกรัฐมนตรีวินิจฉัย คําวินิจฉัยของนายกรัฐมนตรี ให้เป็นที่สุด
ข้อ ๑๒ นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีแล้วแต่กรณี อาจมีคําสั่งหรือมติเปลี่ยนแปลง คําสั่งนี้ได้ตามที่เห็นสมควร ข้อ ๑๓ คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

สั่ง ณ วันที่ ๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาต

khkhk

อ่านรายละเอียด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image