เมื่อวันที่ 5 กันยายน นายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่ชาวเชียงใหม่ตั้งข้อสงสัยการใช้อาคารสูง 3 ชั้นของวัดอู่ทรายคำ จ.เชียงใหม่ เปิดเป็นห้องพักให้บริการคล้ายโรงเเรม พร้อมทั้งมีการโพสต์รูปและข้อความระบุราคา พร้อมเชิญชวนมาใช้บริการห้องพักที่วัดอู่ทรายคำ นอกจากนี้ ยังมีผู้โพสต์ภาพห้องพักภายในอาคารดังกล่าวที่ดูคล้ายห้องพักโรงแรม เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ โทรทัศน์ ตู้เย็น แอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น เป็นต้น มีการจัดวางเตียงและผ้าปูที่นอนคล้ายคลึงกับโรงแรม จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมนั้นว่า ได้รับรายงานแล้ว ซึ่งตนได้สั่งการนายณรงค์ ทรงอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) เชียงใหม่ ให้เข้าไปตรวจสอบภายในวัด และรายงานส่วนกลางอย่างเร่งด่วน
“เบื้องต้นได้รับรายงานด้วยวาจาจากนายณรงค์ว่า อาคารดังกล่าวเปิดเป็น ‘ศูนย์ที่พักอาคันตุกะสงฆ์ และผู้ติดตาม’ สำหรับต้อนรับพระสงฆ์และฆราวาสที่มาปฏิบัติธรรม หรือมาปฏิบัติศาสนกิจในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ โดยเปิดรับรองแขกที่มาเยือนจำนวน 2 ชั้น แบ่งเขตแยกสำหรับพระสงฆ์และประชาชนทั่วไปอย่างชัดเจน ทั้งนี้ อาคารดังกล่าวได้ขออนุญาตก่อสร้างจากเทศบาลนครเชียงใหม่ ส่วนที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าทางวัดเปิดเป็นบริการห้องพักและเรียกเก็บค่าห้องพักนั้นไม่เป็นความจริง ค่าใช้จ่ายในการเข้าพัก ทางวัดไม่ได้เรียกเก็บ แล้วแต่ผู้เข้าพักจะบริจาคค่าน้ำค่าไฟตามกำลังศรัทธา ซึ่งผู้ที่เคยมาพักอาจจะประทับใจและบอกต่อๆ กันไปเท่านั้น ส่วนรายละเอียดภายในวัดต่างๆ ได้สั่งการให้นายณรงค์เข้าไปสำรวจเพิ่มเติมแล้ว” นายพนมกล่าว
นายพนมกล่าวด้วยว่า การเปิดศูนย์ที่พักอาคันตุกะ หรืออาคารรับรองสำหรับพระสงฆ์และฆราวาสนั้นมีอยู่หลายวัด ซึ่งมีไว้สำหรับอำนวยความสะดวกผู้มาปฏิบัติธรรมหรือมาปฏิบัติศาสนกิจในพื้นที่นั้นๆ การที่มีผู้บริจาคค่าน้ำค่าไฟก็เป็นเรื่องปกติ จึงไม่อยากให้สังคมเข้าใจผิดในเรื่องดังกล่าว
