‘ประวิตร’เสียใจ บึ้มหน้าร.ร.ตากใบ เผยรู้ล่วงหน้า ติดปัญหาขั้นตอนช้า ขออย่าโทษจนท.

“ประวิตร” เสียใจ เหตุบึ้มหน้าโรงเรียนบ้านตาบา สั่งแม่ทัพภาค 4 บูรณาการร่วมทุกหน่วยงาน ป้องกันเหตุซ้ำ ยอมรับมีช่องว่างด้านงานข่าว พร้อมปรับปรุงแก้ไข

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 6 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงเหตุระเบิดหน้าโรงเรียนบ้านตาบา อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ว่ารู้สึกเสียใจกับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งเราเองพยายามทำเรื่องนี้อยู่แล้ว ในเรื่องของการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุ ทั้งนี้ ได้โทรศัพท์พูดคุยกับทางแม่ทัพภาค 4 โดยสั่งการลงไปว่าให้บูรณาการกันให้ได้ ระหว่างตำรวจ ทหาร ข้าราชการมหาดไทย ที่ต้องช่วยเหลือดูแลในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก โดยเฉพาะงานด้านการข่าว ในพื้นที่จะต้องลงลึกให้ได้ ให้ประชาขนเข้ามามีส่วนร่วม และแม่ทัพภาค 4 คงได้ไปประชุมเพื่อบูรณาการให้ทุกหน่วยงานได้ดำเนินการ

เมื่อถามว่า ยอมรับใช่หรือไม่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาจากปัญหาด้านการข่าว พล.อ.ประวิตรกล่าวยอมรับว่า จะมีช่องว่างเกี่ยวกับงานด้านการข่าว ทั้งเรื่องเน็ตเวิร์ก และงานด้านการข่าว ซึ่งเราอยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไข ที่จะบูรณการให้เกิดความชัดเจนให้ได้

“อย่าไปพูดว่าเหตุการณ์รุนแรงใหญ่ๆ กลับมา และเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดทั่วทุกพื้นที่ เกิดเพียงบางพื้นที่ และไม่ได้บ่อย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ระวังให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่ยอมรับว่าเหตุการณ์รุนแรงก็เกิดขึ้นบ้าง เพราะทำอย่างไรได้ เนื่องจากคนหนึ่งจ้องจะทำ แต่อีกฝ่ายก็ทำเพียงแต่เฝ้าระวัง และป้องกัน ทั้งนี้ เราต้องดูแลประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด ยืนยันอีกครั้งว่าเหตุการณ์รุนแรงไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย เพิ่งเกิดครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 หลังจากเหตุระเบิดรถไฟแต่เราก็พยายามแก้ไขในส่วนของเส้นทางรถไฟ ทางการรถไฟยืนยันว่าในวันที่ 10 กันยายน จะเปิดการเดินรถไฟสายใต้แล้ว” พล.อ.ประวิตรกล่าว

Advertisement

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตอนนี้งานด้านการข่าวกำลังปรับปรุงอยู่ ต้องบูรณาการและช่วยกัน เจ้าหน้าที่ทุกคนก็พยายามทำงานเพราะไม่ต้องการให้เกิดเหตุรุนแรง เมื่อถามว่า ถือว่าการข่าวมีการคลาดเคลื่อนหรือไม่ เพราะเกิดเหตุการณ์รุนแรง 2 ครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถป้องกันได้ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า การข่าวไม่ได้คลาดเคลื่อนและเราก็รู้ก่อน อย่างกรณีของรถไฟก็รู้ แต่ขั้นตอนและกระบวนการมันช้า อย่างเหตุการณ์ที่หน้าโรงเรียนบ้านตาบานั้นก็รู้ก่อน ทางเจ้าหน้าที่แจ้งมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 กันยายน ซึ่งตนก็ได้เตือนไปตั้งแต่วานนี้แล้ว แต่อย่าไปพูดว่าเป็นความบกพร่องของหน่วยงาน เจ้าหน้าที่ทุกคนพยายามทำงานอย่าไปซ้ำเติม เกิดเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้ทุกคนก็เสียใจเต็มที่อยู่แล้ว สื่ออย่าไปซ้ำเติมอีก นอกจากจะไม่ทำแล้วชอบไปพูดกันอีก

เมื่อถามว่าพื้นที่ที่เกิดเหตุรุนแรง เป็นพื้นที่เซฟตี้โซนหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไม่ได้มีการกำหนดว่าพื้นที่ใดเป็นเซฟตี้โซน และก็ไม่ใช่พื้นที่สีแดง ประเทศไทยไม่มีพื้นที่สีแดง ทุกพื้นที่เข้าได้หมด ยืนยันว่าตอนนี้ประชาชนในพื้นที่ยังเข้าข้างฝ่ายรัฐเหมือนเดิม มีเพียงบางคน และบางส่วนเท่านั้น ซึ่งมีไม่มาก และกลุ่มเห็นต่างในพื้นที่ก็ยังคงเป็นกลุ่มเดิม ไม่มีกลุ่มใหม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image