ประยุทธ์ ใช้อำนาจ ม.44 ห้ามเรือประมงไม่มีทะเบียน-ใบอนุญาตประมง ออกทะเล

ภาพกราฟิกลิขสิทธิ์

เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕๓/๒๕๕๙ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทําการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม เพิ่มเติมครั้งที่ ๓ ระบุว่า

ตามที่ประเทศไทยได้มีการบังคับใช้พระราชกําหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อกําหนดหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการทําการประมงให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลมาแล้วระยะเวลาหนึ่ง แต่โดยที่สภาพข้อเท็จจริงของการทําการประมงในบางกรณีนั้น อาจนําไปสู่ปัญหาสําคัญอื่นหรือมี ผลกระทบต่อสังคม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศได้โดยง่าย หรือไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เช่น ปัญหาการค้ามนุษย์ ปัญหาการขาดมาตรการในการควบคุม เฝ้าระวัง และขาดการติดตาม ซึ่งประเด็นปัญหาเหล่านี้จําเป็นต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วและทันท่วงที ซึ่งหากล่าช้า หรือต้องรอกระบวนการตามขั้นตอนปกติจะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของนานาประเทศ โดยเฉพาะต่อการรับการตรวจประเมินโดยสหภาพยุโรปในการแก้ไขปัญหาการทําการประมงผิดกฎหมาย
ของประเทศไทย อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ เจ้าของหรือผู้ครอบครองเรือประมงพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยการประมง ที่ไม่มีทะเบียนเรือหรือมีทะเบียนเรือแต่ไม่มีใบอนุญาตทําการประมง ต้องแจ้งจุดจอดเรือโดยระบุสถานที่จอดเรือ
ให้ชัดแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรต่อผู้อํานวยการสํานักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาในเขตที่จะจอดเรือภายใน สิบห้าวันนับแต่วันที่คําสั่งนี้มีผลใช้บังคับ และให้ผู้อํานวยการสํานักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาหรือผู้ซึ่ง
ได้รับมอบหมายมีอํานาจสั่งติดเครื่องมือติดตรึงพังงาเรือและทําเครื่องหมายบนเรือประมงลําดังกล่าว ตามระเบียบที่กรมเจ้าท่าประกาศกําหนด ห้ามมิให้ผู้ใดปลดเครื่องมือติดตรึงพังงาเรือหรือเคลื่อนย้ายเรือประมงออกจากจุดที่แจ้งจอดเรือ ตามวรรคหนึ่ง เว้นแต่จะมีเหตุจําเป็นและได้รับอนุญาตจากผู้อํานวยการสํานักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขา หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายในเขตที่จอดเรือ หรือกรณีมีเหตุฉุกเฉินให้สามารถปลดเครื่องมือติดตรึงพังงาเรือ หรือเคลื่อนย้ายเรือประมงออกจากจุดที่แจ้งจอดเรือได้ โดยต้องแจ้งต่อผู้อํานวยการสํานักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขา ภายในสิบสองชั่วโมงนับแต่เวลาที่มีการเคลื่อนย้ายเรือประมง ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองเรือประมงที่ได้ดําเนินการตามวรรคหนึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องติดตั้ง ระบบติดตามเรือประมงตามข้อ ๖ (๒) ของคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๐/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทําการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ลงวันที่ ๒๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๘

ข้อ ๒ ในกรณีเรือประมงตามข้อ ๑ มีทะเบียนเรือแต่ไม่มีใบอนุญาตทําการประมง หากเจ้าของเรือไม่ดําเนินการแจ้งของดใช้เรือหรือขอเปลี่ยนประเภทเรือต่อเจ้าท่าตามกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือ ในน่านน้ําไทยภายในสามสิบวันนับจากวันที่คําสั่งนี้มีผลบังคับใช้ ให้นายทะเบียนเรือตามกฎหมาย ว่าด้วยเรือไทยมีคําสั่งเพิกถอนทะเบียนเรือไทยและจําหน่ายทะเบียนเรือออกจากสมุดทะเบียน เมื่อได้มีคําสั่งตามวรรคหนึ่ง ให้นายทะเบียนเรือแจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าของเรือส่งคืนใบทะเบียนเรือ ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งเป็นหนังสือจากนายทะเบียนเรือ

Advertisement

ข้อ ๓ เพื่อประโยชน์ในการควบคุมจํานวนเรือประมง ให้กรมเจ้าท่ามีอํานาจออกประกาศ งดการจดทะเบียนเรือไทยสําหรับการประมงเป็นการชั่วคราว หรือกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไขในการจดทะเบียนเรือไทยและการงดใช้เรือสําหรับการประมงเป็นการเฉพาะได้

ข้อ ๔ ห้ามมิให้เจ้าของหรือผู้ควบคุมเรือประมงพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยการประมง ขนถ่ายคนประจําเรือระหว่างนําเรือออกไปทําการประมง เว้นแต่เพื่อความปลอดภัยของคนประจําเรือ หรือมีปัญหาข้อพิพาทหรือตามความประสงค์ของคนประจําเรือ หรือในกรณีมีเหตุสุดวิสัยอื่น โดยให้แจ้ง ต่อศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้าออกทันที

ข้อ ๕ เจ้าของหรือผู้ครอบครองเรือประมงพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยการประมงผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามข้อ ๑ วรรคหนึ่ง หรือวรรคสอง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทสําหรับ เรือขนาดสิบตันกรอส และปรับเพิ่มขึ้นตามขนาดของเรือในส่วนที่เกินสิบตันกรอสขึ้นไปตันกรอสละหนึ่งพันบาท

Advertisement

ข้อ ๖ ผู้ใดไม่ส่งคืนใบทะเบียนเรือภายในระยะเวลาที่กําหนดในข้อ ๒ วรรคสอง ต้องระวางโทษ ปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

ข้อ ๗ เจ้าของหรือผู้ควบคุมเรือผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อ ๔ ต้องระวางโทษปรับ ไม่น้อยกว่าสี่แสนบาทแต่ไม่เกินแปดแสนบาทต่อคนประจําเรือหนึ่งคน

ข้อ ๘ บรรดาความผิดตามคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๐/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทําการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ลงวันที่ ๒๙ เมษายน
พุทธศักราช ๒๕๕๘ คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๔/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขปัญหา การทําการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม เพิ่มเติม ลงวันที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ และคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๒/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขปัญหา การทําการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม เพิ่มเติมครั้งที่ ๒ ลงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๘ และตามคําสั่งนี้ ให้อธิบดีกรมประมงหรืออธิบดีกรมเจ้าท่า แล้วแต่กรณี มีอํานาจเปรียบเทียบได้

ข้อ ๙ ในการเปรียบเทียบตามข้อ ๘ อธิบดีกรมประมงหรืออธิบดีกรมเจ้าท่ามีอํานาจ มอบหมายให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการประมง กฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านน้ำไทย หรือกฎหมายว่าด้วยเรือไทย แล้วแต่กรณี ดําเนินการเปรียบเทียบได้โดยจะกําหนดหลักเกณฑ์ในการเปรียบเทียบหรือเงื่อนไขประการใด ๆ ให้แก่ผู้ได้รับมอบหมายตามที่เห็นสมควรก็ได้ให้พนักงานสอบสวนที่ได้รับมอบหมายตามวรรคหนึ่งมีอํานาจดําเนินการเปรียบเทียบได้แม้จะอยู่นอกเขตอํานาจของตนเมื่อผู้ต้องหาได้ชําระค่าปรับตามจํานวนที่ได้เปรียบเทียบตามข้อ ๘ ภายในระยะเวลาทีกําหนด ซึ่งต้องไม่เกินสามสิบวัน ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

ข้อ ๑๐ ให้บรรดาใบอนุญาตให้ออกไปทําการประมงในน่านน้ําของรัฐต่างประเทศและในทะเลหลวงที่ได้ออกให้ตามคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๐/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขปัญหา
การทําการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ลงวันที่ ๒๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๘ เป็นใบอนุญาตทําการประมงนอกน่านน้ําไทยตามพระราชกําหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ จนกว่าจะสิ้นอายุใบอนุญาตหรือถูกเพิกถอนใบอนุญาต

ข้อ ๑๑ ห้ามมิให้ผู้มีอํานาจในการออกใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการประมงออกใบอนุญาตทําการประมงนอกน่านน้าไทยให้แก่ผู้ยื่นคําขอซึ่งอยู่ในระหว่างการดําเนินคดีตามคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือตามพระราชกําหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ ทั้งนี้ จนกว่าผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทําการประมงผิดกฎหมายจะมีคําสั่งเป็นอย่างอื่น

ข้อ ๑๒ ในกรณีจําเป็น ให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติแก้ไขเปลี่ยนแปลงคําสั่งนี้ได้

ข้อ ๑๓ คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

สั่ง ณ วันที่ ๙ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๙
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image