‘2ผู้บริหารบ.โอเอ’คดีฟอกเงินพันทัวร์ศูนย์เหรียญ วืดประกัน คุมส่งเรือนจำ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 13 กันยายน ที่ สน.พญาไท นางนิสา โรจน์รุ่งรังสี ประธานบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด และนายวสุรัตน์ โรจน์รุ่งรังสี กรรมการบริษัท พร้อมทีมทนายความและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินทางมาพบพนักงานสอบสวน สน.พญาไท หลังจากเจ้าหน้าที่กวาดล้างจับกุมทัวร์ศูนย์เหรียญ ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพยายามไม่ให้ช่างภาพและนักข่าวถ่ายภาพและพูดจาด้วยถ้อยคำรุนแรง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไทจึงได้คุมตัวเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทรวม 9 คนลงมาไว้ที่ห้องประชุมชั้นล่าง พร้อมตรวจค้นรถตู้พบอาวุธไม้คมแฝกจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

เวลา 10.45 น. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว (ผบก.ทท.) พร้อมกำลังเดินทางมาที่ สน.พญาไท และให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ตั้งคณะกรรมการสอบสวนในคดีทัวร์ศูนย์เหรียญนั้น วันนี้ทางกลุ่มผู้ต้องหาเดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มคือข้อหาฟอกเงิน และระหว่างการสอบสวนหากพบว่ามีความผิดใดๆ จะแจ้งข้อหาเพิ่มต่อไป ทั้งนี้ ได้เร่งรัดสรุปสำนวนโดยเร็ว คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ จึงจะส่งพนักงานอัยการยื่นฟ้องต่อศาลได้

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ผู้ต้องหามีสิทธิให้ปากคำอย่างไรก็ได้ อยู่ในสำนวนไม่สามารถเปิดเผยได้ อย่างไรก็ดี ทางเจ้าหน้าที่จะรวบรวมพยานหลักฐานสรุปสำนวนควบคู่ไปด้วย สำหรับเครือข่ายของบริษัทโอเอฯนั้น คงไม่มีอีกแล้ว ส่วนกรณีที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีคำสั่งยึดทรัพย์แต่ทางบริษัทยังขัดขืนไม่ยอมส่งมอบทรัพย์สินนั้น หาก ปปง.ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ จะดำเนินคดีในข้อหาขัดขวางเจ้าพนักงานเพิ่ม ขณะนี้ทาง ปปง.ได้ยึดทรัพย์สินและเงินสดของบริษัทโอเอฯเป็นจำนวนเงินกว่า 10,000 ล้านบาทแล้ว

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กล่าวต่อว่า ขั้นตอนต่อไปทางเจ้าหน้าที่จะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไปฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก โดยพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากกลัวว่าจะไปยุ่งเหยิงกับหลักฐาน ทำให้เจ้าหน้าที่รวบรวมหลักฐานได้ยากขึ้น ส่วนผู้ต้องหาไปยื่นคำร้องขอประกันตัวได้ สำหรับกรณีการกวาดล้างทัวร์ศูนย์เหรียญนั้น ปรากฏว่าจากการเข้าพบทางเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ได้รับข้อมูลว่า นักท่องเที่ยวจีนยังเดินทางมามากขึ้นไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด ตอนนี้นักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวประเทศไทยไม่ได้เกิดจากตั๋วเครื่องบินเต็ม และจีนพร้อมกวาดล้างทัวร์ศูนย์เหรียญด้วย ทางประเทศไทยกำลังกวาดล้างจัดระเบียบบริษัททัวร์อย่างต่อเนื่อง

Advertisement

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 9 คนมาตรวจสอบประวัติ หากพบว่ามีความผิดฐานพกอาวุธจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พ.ต.ท.ธรรมรักษ์ เรืองดิษฐ์ พนักงานสอบสวน สน.พญาไท ควบคุมตัวนายวสุรัตน์ และนางนิสา มารดาของนายวสุรัตน์ ผู้ต้องหาที่ 1-2 ตามหมายจับศาลอาญาคดีร่วมกันทำผิด พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวฯ จัดทัวร์ศูนย์เหรียญ ขายสินค้าแพง สร้างความเสียหายอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและฟอกเงิน มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 13-24 กันยายน เนื่องจากต้องสอบพยานบุคคลอีก 40 ปาก และรอผลตรวจข้อมูลทางการเงินการธนาคารที่เกี่ยวกับการฟอกเงิน รวมทั้งผลการตรวจสอบเส้นทางการเงินระหว่างประเทศ กับลายพิมพ์นิ้วและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาทั้งสองประกอบคดี

คำร้องฝากขัง สรุปว่า เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้งสองว่า กระทำผิดฐานร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยว, กระทำการอันจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยวหรือนักท่องเที่ยว ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ต่อมาวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา ปปง.ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับนายวสุรัตน์ กรรมการผู้จัดการบริษัทโอเอฯ ผู้ต้องหาที่ 1 และนางนิสา กรรมการผู้จัดการ บจก.รอยัลพาราไดซ์, บจก.รอยัลเจมส์ อินเตอร์เนชั่นแนล, บจก.ไทยเฮิร์บ และ บจก.บางกอก แฮนดิคราฟท์ เซ็นเตอร์ จำกัด ฐานร่วมกันฟอกเงินเพิ่มเติมอีกข้อหาหนึ่ง เนื่องจากระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงกรกฎาคม 2559 พบการโอนเงิน 98,932,810 บาท จากเครือญาติของผู้ต้องหาทั้งสองที่ได้จากการกระทำผิด ไปยังกรรมการผู้จัดการ บจก.ฝูอัน ทราเวล และผู้เกี่ยวข้องที่ถูกจับกุมและฝากขังศาลอาญาแล้ว โดยผู้จัดการ บจก.ฝูอัน ทราเวล และ บจก.ซินหยวน ทราเวล จะทำหน้าที่รับนักท่องเที่ยวจากบริษัททัวร์ประเทศจีน ที่เป็นทัวร์รับเฉพาะนักท่องเที่ยวแต่ไม่มีค่าใช้จ่ายมาด้วย หรือทัวร์ศูนย์เหรียญ แล้วบริษัทผู้ต้องหาที่ 1 จะจัดหารถทัวร์รับนักท่องเที่ยวฟรี แต่มีข้อตกลงว่าจะรับนักท่องเที่ยวไปจอดแวะที่ร้านจำหน่ายสินค้าจิวเวลรี กระเป๋าหนัง ที่นอนยางพารา ผ้าไหม ของฝากที่ระลึกต่างๆ ที่บริษัทผู้ต้องหาที่ 2 ที่เป็นมารดาของผู้ต้องหาที่ 1 ดำเนินการ โดยไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาติอื่นหรือคนไทยเข้าไปในร้าน โดยมีการจำหน่ายสินค้าราคาสูงกว่าความเป็นจริง โดยบริษัทผู้ต้องหาที่ 1 จะรวบรวมเงินจากการจำหน่ายสินค้าแล้วแบ่งปันผลประโยชน์ให้กับบริษัทนำเที่ยว 20-30% ส่วนมัคคุเทศก์จะได้ 3-4% เป็นการกระทำผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน เหตุเกิดที่ร้านค้าต่างๆ

Advertisement

ต่อมาวันที่ 13 กันยายน พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาทั้งสองว่า ร่วมกันเป็นสมาชิกอั้งยี่, ร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวกระทำการก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยวหรือนักท่องเที่ยว และร่วมกันฟอกเงิน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 209 วรรคแรก, พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 มาตรา 24, 100 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (10), 5, 60 ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ขณะที่พนักงานสอบสวนได้ขอคัดค้านการให้ประกันตัวด้วย เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองเกี่ยวพันกับขบวนการนำนักท่องเที่ยวศูนย์เหรียญจากประเทศจีนเข้ามาในประเทศไทยนับล้านคน โดยมีรถทัวร์พานักท่องเที่ยวมาถึง 2,000 คัน มีเงินหมุนเวียนนับหมื่นล้านบาท ดำเนินการลักษณะปกปิด มีอิทธิพลเหนือผู้ประกอบการรายอื่น พฤติการณ์ขูดรีดขายสินค้าราคาแพง และห้ามผู้ประกอบการรายอื่นขายสินค้าชนิดเดียวกับผู้ต้องหา ทำให้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทยได้รับความเสียหาย อีกทั้ง ปปง.ได้ยึดอายัดทรัพย์สินในเครือของผู้ต้องหานับหมื่นล้านบาท โดยพยานบุคคลยังเกิดความเกรงกลัว ไม่กล้าหรือหลบเลี่ยง ไม่มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ดังนั้น หากได้รับการปล่อยชั่วคราวเกรงว่าผู้ต้องหาทั้งสองจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานจนเสียหายต่อรูปคดี อีกทั้งคดีมีอัตราโทษสูงจึงกลัวว่าจะหลบหนี

โดยศาลพิจารณาคำร้องฝากขัง และสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้

ต่อมาญาติได้ยื่นคำร้อง พร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 2 ล้านบาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราว อย่างไรก็ตาม ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องร้ายแรง มีมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก กระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ อีกทั้งพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกัน เพราะเกรงว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและอาจหลบหนี ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงควบคุมนายวสุรัตน์ไปควบคุมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่วนนางนิสานำไปควบคุมที่ทัณฑสถานหญิงกลาง

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image