ที่มา | นสพ.มติชน รายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | ศรีสกุล ลีลาพีระพันธ์ |
เผยแพร่ |
มองผ่านๆ “เทรนนิ่ง คาเฟ่” ก็อาจจะเหมือนกับร้านอาหารทั่วๆ ไปในเมืองอัลมาตี เมืองใหญ่ที่สุดของคาซัคสถาน ประเทศในอดีตของสหภาพโซเวียต
หากแต่ความเป็นจริงแล้ว คาเฟ่แห่งนี้มีความพิเศษกว่าร้านอาหารอื่นทั่วๆ ไป ตรงที่ “พนักงาน” ที่ทำงานในร้าน 40 เปอร์เซ็นต์ เป็นผู้ป่วยของสถาบันจิตเวชในเมืองอัลมาตี!
เป็นหนึ่งในหนทางที่เปิดโอกาสให้แก่ผู้ป่วยจิตเวชในเมืองใหญ่แห่งนี้ ได้มีโอกาสในการทำงานในเมืองใหญ่แห่งนี้มากขึ้น
แม้ว่ารัฐบาลคาซัคสถานจะพยายามยกระดับสภาพความเป็นอยู่ของผู้ทุพพลภาพ หากแต่ยังคงต้องต่อสู้กับทัศนคติของผู้คนเกี่ยวกับเรื่องความสามารถของผู้พิการในสังคม
เหตุเพราะในยุคโซเวียตนั้น ผู้คนที่เริ่มมีปัญหาทางการรับรู้ มักจะถูกส่งตัวไปยังสถาบันจิตเวช ส่วนผู้ที่ป่วยหนัก บางครั้งถึงกับถูกกักตัวไว้ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด
ดังนั้น ในปัจจุบันผู้ที่มีอาการป่วยทางจิต หรือพิการ จึงไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม ให้ได้รับการศึกษา รวมไปถึงการรับเข้าทำงาน
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า มีผู้ป่วยจิตเวชที่เข้ารับการรักษาตัวอยู่ในสถาบันจิตเวชของเมืองอัลมาตี มากถึงกว่า 700 คน ในเมืองที่มีผู้คนอาศัยอยู่ราว 1.5 ล้านคน ขณะที่จำนวนผู้ป่วยทางจิตเรื้อรังที่
ลงทะเบียนไว้ราว 200,000 คนทั่วประเทศ จากประชากรที่มีอยู่ทั้งหมดราว 17 ล้านคน
และตัวเลขจากรัฐบาลคาซัคสถาน แสดงให้เห็นว่าทั้งประเทศมีผู้พิการที่ถูกว่าจ้างให้ทำงานเพียงแค่ 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
การที่ร้านเทรนนิ่ง คาเฟ่ เปิดรับสมัครพนักงานที่เป็นผู้ป่วยจิตเวช จึงถือเป็นการเปิดโอกาสให้แก่ผู้ป่วยที่มีโอกาสอันน้อยนิดอยู่ในสังคมแห่งนี้
โดยร้านเทรนนิ่ง คาเฟ่ แห่งนี้เป็นร้านอาหารคาซัคสถาน และรัสเซีย ได้รับเงินสนับสนุนจากมูลนิธิโอเพ่น โซไซตี้ ที่ก่อตั้งขึ้นโดย นายจอร์จ โซรอส มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน เพื่อสนับสนุนโครงการริเริ่มของ นายทามารา ดูเซโนวา รัฐมนตรีสาธารณสุขคาซัคสถาน ที่ต้องการหาช่องทางในตลาดแรงงานให้แก่ผู้ป่วยทั้งหลายในประเทศ
เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามเปิดโอกาสให้แก่ผู้พิการในประเทศ ขณะที่คาซัคสถานเองพยายามส่งเสริมกีฬาคนพิการอย่างจริงจัง ระหว่างการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก ฤดูหนาว ปี 2022 แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ให้แก่จีน
กระนั้นก็ตาม เรื่องของคนพิการก็ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นที่สนใจของผู้คนมากขึ้น และรัฐบาลพยายามหาทางช่วยเหลือผู้พิการให้ได้มีการศึกษา มีงานทำ
และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัฐบาลคาซัคสถานประกาศว่า ปีที่แล้วมีผู้พิการกว่า 4,400 คน ที่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการทำงาน
ถือเป็นอีกความก้าวหน้า ในการช่วยเหลือผู้พิการ ให้ได้มีโอกาสในสังคมมากขึ้น