เมื่อวันที่ 17 ก.ย. ที่ชุมชนป้อมมหากาฬ เขตพระนคร กรุงเทพฯ มีการจัดงาน “โค-ครีเอท มหากาฬ สร้างเมืองในฝัน เปลี่ยนพื้นที่ประวัติศาสตร์ให้เป็นพื้นที่สาธารณะ” โดยสมาคมสถาปนิกสยาม, กลุ่มสถาปนิกผังเมืองจิตอาสา, ชาวบ้านจากชุมชนในเกาะรัตนโกสินทร์ และชาวบ้านชุมชนป้อมมหากาฬ อีกทั้งมีนักวิชาการเข้าร่วมเป็นวิทยากรหลายราย อาทิ ผศ.ดร.ประภัสสร์ ชูวิเชียร อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี ม.ศิลปากร อ.ศศิธร ศิลป์วุฒยา อาจารย์ภาควิชามานุษยวิทยา คณะโบราณคดี ม.ศิลปากร รศ.ชาตรี ประกิตนนทการ อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ม.ศิลปากร และนางภารนี สวัสดิรักษ์ นักวิชาการอิสระด้านผังเมือง เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศภายในชุมชนคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า เวลาประมาณ 09.00 น. ตัวแทนชุมชนป้อมมหากาฬกล่าวถึง แนวคิดในการอนุรักษ์และพัฒนาชุมชน จากนั้นมีการแบ่งกลุ่มย่อยเพื่อเรียนรู้และทำความเข้าใจร่วมกันในหัวข้อต่างๆ ได้แก่ กลุ่มพิพิธภัณฑ์มีชีวิต กลุ่มพื้นที่สาธารณะ กลุ่มที่อยู่อาศัย กลุ่มการจัดการเศรษฐกิจสร้างสรรค์ กลุ่มแผนพัฒนาย่านเก่า กลุ่มเด็กและเยาวชน โดยมีการให้ผู้ร่วมกลุ่มแสดงความคิดเห็นร่วมกัน
ผศ.ดร.ประภัสสร์ ชูวิเชียร อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี ม.ศิลปากร ซึ่งเป็นวิทยากรกลุ่มแผนพัฒนาย่านเก่า กล่าวถึงความสำคัญของการศึกษาอดตเพื่อประเมินคุณค่าของย่านเก่าจากคุณค่าด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี และคุณค่าทางด้านศิลปกรรม โดยตอนหนึ่งระบุว่า เมื่อครั้งสร้างพระนครใหม่ๆ บ้านเมืองยังมีคนอยู่อาศัยน้อยจนต้องเกณฑ์ผู้คนเข้ามาสร้างเมืองและที่อยู่อาศัย แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลับมีแนวคิดจะย้ายคนออกจากแหล่งที่อยู่อาศัย ซึ่งสวนทางกับแนวคิดการอนุรักษ์และพัฒนาย่านเก่าตามหลักสากล
ผู้สื่อข่าวรายงานในช่วงบ่ายเป็นการความเป็นไปได้ของแนวคิดที่ชาวบ้านในกลุ่มต่างๆนำเสนอ และกล่าวถึงประเด็นปัญหาต่างๆ
นายธวัชชัย วรมหาคุณ ประธานชุมชนป้อมมหากาฬกล่าวว่า งานโค-ครีเอทมหากาฬ จัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน โดยในวันอาทิตย์ที่ 18 ก.ย. จะเป็นการพัฒนาต้นแบบจำลองจากแนวคิดของชาวบ้านแล้วสร้างแผนสู่การนำไปใช้จริง และการนำเสนอแผนการพัฒนาเพื่อการนำไปใช้ต่อไป นอกจากนี้ จะมีการจัดการแสดงลิเกที่ลานชุมชนป้อมมหากาฬในวันอาทิตย์ที่ 25 ก.ย. เนื่องจากชุมชนป้อมมหากาฬเคยเป็นที่ตั้งของวิกลิเกแห่งแรกในกรุงเทพฯ คือ วิกพระยาเพชรปาณี ซึ่งปัจจุบันในชุมชนยังมีป้ายชื่อตรอกพระยาเพชรปาณีเพื่อบ่งบอกถึงประวัติศาสตร์ ปรากฏหลักฐานในภาพถ่ายเก่า รวมถึงลายพระหัตถ์ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ซึ่งเล่าถวายสมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ ลงวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2483 ใจความโดยสรุปว่า ได้ไปทอดพระเนตรลิเกของพระยาเพชรปาณีที่โรงยี่เกที่บ้านหน้าวัดราชนัดดา โดยได้สอบถามข้อสงสัยเกี่ยวกับกระบวนการเล่นยี่เก เช่น การแต่งกายของผู้เล่นอย่างหรูหรา รวมถึงเพลงหน้าพาทย์ที่ใช้ประกอบ เป็นต้น
นายธวัชชัยกล่าวอีกว่า การแสดงลิเกครั้งนี้ นายบุญสืบ พันธ์ประเสริฐ นักแสดงลิเกสมัครเล่นชื่อดัง อาสามาร่วม ซึ่งทางชุมชนต้องขอขอบคุณเป็นอย่างสูง โดยงานเริ่มตั้งแต่ 15.00 น. ส่วนการแสดงลิเกซึ่งเปิดให้ชมฟรีเริ่มต้นเวลา 19.00 น.
