“ปู” ขอ “บิ๊กตู่” เลิกสนใจคดีตัวเอง ทำเศรษฐกิจให้ดีก่อน โอดคนเดียวโดน 15 คดีแล้ว ชี้ใช้ ม.44 ให้อำนาจกรมบังคับคดียึดทรัพย์ถือเป็นการชี้แจงคดี ระบุคดีจัดการน้ำเกิดก่อนรัฐบาล พท.
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 22 กันยายน ที่ตลาดเก่านางเลิ้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงคดีการบริหารจัดการน้ำว่า เป็นข้อกล่าวหาที่แจ้งโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามกันทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีการส่งสำนวนมา แต่ตนไม่เข้าใจเพราะการบริหารจัดการน้ำตอนที่เข้ามา น้ำได้ท่วมอยู่แล้ว ซึ่งมาตั้งแต่รัฐบาลอื่นจึงไม่เข้าใจว่าทำไมจึงโดนอยู่คนเดียว จากกรณีนี้ตนไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ก็หวังว่า ป.ป.ช.จะให้ความเป็นธรรม ทุกวันนี้คดีที่เจออยู่ นั่งอยู่ดีๆ ก็ต้องมารับเรื่องหมด ตอนนี้มีถึง 15 คดีแล้ว จึงเป็นเหตุผลให้ตนส่งทนายคัดค้านต่อ ป.ป.ช.แต่ก็ได้รับการปฏิเสธร้องขอทุกครั้ง จึงอยากร้องผ่านทางสื่อมวลชนและสาธารณชนด้วย อยากให้ปฏิบัติเท่าเทียมกับคนอื่นๆ เพราะจะเห็นได้ว่ามาตรฐานที่ทำกับคดีตนคดีมาเร็วมาก รับทุกเรื่อง พิจารณาทุกเรื่อง แต่ในขณะเดียวกันคดีของผู้อื่นไม่คืบหน้าเลย ซึ่งตนพร้อมจะชี้แจงทุกคดีแต่ต้องอยู่ด้วยเหตุและผล ถ้าการที่ตั้งข้อกล่าวหาโดยที่ไม่คำนึงถึงเหตุผล ใครอยากจะใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองก็เอามาใช้ มันก็ไม่มีวันจบ ทำให้สังคมเกิดข้อสงสัย จริงๆ แล้วหน่วยงานทุกองค์กรที่ทำในเรื่องของกระบวนการเหล่านี้ควรจะให้ความเป็นธรรมกับทุกคน เชื่อว่าทุกคนยอมรับ แต่อย่างที่เรียนข้างต้น ตนได้ร้องมาหลายครั้งแล้วก็ไม่ได้ความเป็นธรรมตั้งแต่ต้น ไม่รู้ว่าคดีที่เหลือจะเป็นเช่นเดียวกับคดีที่ตนได้รับมาหรือไม่ ก็หวังว่าจะไม่เป็นแบบนั้น
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ส่วนในเรื่องของมาตรา 44 ที่ให้อำนาจกรมบังคับคดีในการยึดทรัพย์นั้น เท่าที่ตนทราบ กรมบังคับคดีต้องได้รับคำสั่งจากศาลปกครอง ซึ่งการใช้มาตรา 44 สิ่งแรกที่มองคือ ผลของคดีไม่ว่าจะเป็นอย่างไรยังไม่รู้ ฉะนั้น การออกคำสั่งมาตรา 44 มอบอำนาจให้กรมบังคับคดีก็เหมือนเป็นการชี้นำคดี ซึ่งต้องขอร้องเพราะมันมีผลกับคดีอื่นๆที่ดำเนินการอยู่ในชั้นศาล ถือเป็นความไม่ยุติธรรมที่ได้รับ
“ถ้ามั่นใจว่ากระบวนการทั้งหมดมีความโปร่งใสและเป็นธรรม ทำไมต้องใช้มาตรา 44 ด้วย แต่กระบวนสอบสวนขั้นต้นในการปกป้องข้าราชการ ถ้ามั่นใจว่าข้าราชการทำถูกก็ไม่ต้องกลัวการถูกฟ้องร้อง แต่วันนี้ใช้มาตรา 44 กันถูกฟ้องร้อง ใครจะทำอะไรก็ได้ แล้วอย่างนี้ขนาดอดีตนายกฯ ยังปกป้องและหาความยุติธรรมให้กับตัวเองไม่ได้ แล้วประชาชนธรรมดาปกติจะเรียกหาความยุติธรรมได้อย่างไร” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว
อดีตนายกฯกล่าวว่า ถึงวันนี้สิ่งที่รัฐบาลต้องตอบว่าทำไมถึงไม่ใช้อำนาจตามปกติ ซึ่งเราก็ได้ท้วงไปตั้งแต่ต้นแล้วว่าการพิจารณาในเรื่องของความเสียหายตามหลักสากลก็ต้องไปร้องที่ศาลแพ่ง และรัฐบาลก็ถือว่าเป็นคู่กรณีกับเรา ซึ่งก็ต้องร้องศาลให้เป็นผู้ตัดสินว่าฝ่ายตนหรือรัฐบาลถูกหรือผิดกันแน่ ที่จะมาเรียกร้องค่าเสียหาย แต่ขณะเดียวกันรัฐบาลกลับไม่เลือกใช้วิธีการฟ้องร้องตามกระบวนการยุติธรรมเพียงเพราะไม่ต้องการเสียค่าธรรมเนียมศาล และเพียงเพราะเพื่อที่การร่นเวลาให้ง่ายขึ้นก็ใช้คำสั่งทางการปกครองกับตน อย่างนี้เท่ากับรัฐบาลเป็นคู่กรณีกับตนโดยตรง และบวกกับการใช้มาตรา 44 ในการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ไปตั้งแต่การสอบสวนจนถึงการไปมอบอำนาจให้กับกรมบังคับคดีถือเป็นการชี้แจงหรือไม่ เป็นสิ่งที่ต้องตั้งคำถามกลับ
“เวลานี้อยากให้รัฐบาลมองภาพรวมของประเทศ ความเดือดร้อนของประเทศ เพราะวันนี้จริงๆ แล้วประชาชนรอในการที่จะให้เศรษฐกิจต่างๆ กลับคืนมา ประชาชนมีความเป็นอยู่ดีขึ้นถือเป็นเรื่องใหญ่ ไม่อยากให้มาใส่เรื่องของตนเป็นหลักจนลืมเรื่องอื่นๆ เพราะเรื่องจริงๆ แล้วมีกระบวนการขั้นตอนอยู่แล้ว ไม่อยากให้เร่งรัดโดยใช้วิธีแบบนี้ สุดท้ายจะเป็นคำถามที่ประชาชนตั้งข้อสังเกต” อดีตนายกฯกล่าว