Sully หนังอาจไม่สนุกมาก แต่ไม่น่าเบื่อ และที่สำคัญ “ดี”

Sully หนังอาจไม่สนุกมาก แต่ไม่น่าเบื่อ และที่สำคัญ "ดี"

Sully หนังอาจไม่สนุกมาก แต่ไม่น่าเบื่อ และที่สำคัญ “ดี”

เดือนมกราคม ปี 2009 มีข่าวดังไปทั่วโลก กัปตันเชสลีย์ ซัลเลนเบอร์เกอร์ หรือ ซัลลี่ สร้างปาฏิหาริย์ด้วยการนำเครื่องบินของสายการบิน US Airways เที่ยวบิน 1549 ซึ่งชนฝูงนกจนเครื่องยนต์สองตัวดับ ร่อนลงจอดกลางแม่น้ำฮัดสัน

นี่เป็นการกระทำที่เสี่ยงมาก ถ้าไม่ตายจากการระเบิดของเครื่องบิน ก็อาจจมน้ำตายเพราะความหนาวเหน็บของอากาศ แต่ปาฏิหาริย์คือผู้โดยสารจำนวน 155 คน ลูกเรือรวมทั้งกัปตันและผู้ช่วยนักบิน รอดชีวิตจากการลงจอดกลางแม่น้ำครั้งนี้ทั้งหมด

คนทั่วไปมองว่า ซัลลี่สร้างปาฏิหาริย์ แต่สำหรับซัลลี่เขามองว่า “ทุกคนมาร่วมมือร่วมใจกัน ด้วยความตั้งใจ และทำหน้าที่ของตนได้อย่างดีเยี่ยม นั่นละครับ ที่ช่วยชีวิตทุกคนไว้”

คลินท์ อีสต์วูด ดาราดังและผู้กำกับหนังเจ้าของรางวัลออสการ์จาก Million Dollar Baby (2004) ดัดแปลง Sully จากหนังสือชื่อ Highest Duty เขียนโดยซัลเลนเบอร์เกอร์และเจฟฟรีย์ แซสโลว์

Advertisement

อีสต์วูด พูดถึงหนังเรื่องนี้ว่า “ผมหวังว่าหนังเรื่องนี้จะแสดงให้เห็นว่า ผลลัพธ์ที่ดีอาจเกิดจากสถานการณ์ที่เลวร้าย เมื่อเกิดความผิดพลาด ยังมีคนอย่างกัปตันซัลเลนเบอร์เกอร์ ที่ต้องเสี่ยงเดิมพันหลายสิ่งหลายอย่าง”

ทอม แฮงค์ รับบทกัปตัน ซัลลี่ เนื่องจากเป็นหนังที่สร้างจากเรื่องจริง การดำเนินเรื่องจึงไม่หวือหวา มีลักษณะคล้ายสารคดี แต่เป็นสารคดีที่สนุกไม่น่าเบื่อ

หนังจับประเด็นหลังจากซัลลี่นำเครื่องบินจอดได้อย่างปลอดภัย เขาถูก NTSB (National Transportation Safety Board) สอบสวนอย่างหนัก แม้ทุกคนปลอดภัย แต่ NTSB ต้องหาข้อเท็จจริงว่า การเสี่ยงลงจอดกลางแม่น้ำฮัดสันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว หรือยังมีทางเลือกที่ดีกว่านี้

Advertisement

ในเรื่อง NTSB มารับบทผู้ร้าย ช่วยทำให้หนังมีสีสันมากขึ้น ทั้งๆ ที่รู้เรื่องแล้วว่าตอนจบอย่างไร ผู้กำกับสามารถเล่าเรื่องได้สนุกและมีชั้นเชิง คนดูลุ้นเอาใจช่วยซัลลี่ หนังตัดไปตัดมา ระหว่างเหตุการณ์ปัจจุบันกับย้อนเหตุการณ์ที่กัปตันตัดสินใจนำเครื่องบินลงจอด เห็นความสมจริงของการทำงานของกัปตัน ผู้ช่วย และลูกเรือ ซึ่งทุกคนมีสติ ปฏิบัติหน้าที่อย่างมืออาชีพ

พอซัลลี่บอกว่าจะนำเครื่องจอดกลางแม่น้ำ หนังตัดภาพไปจับที่ผู้ช่วยนักบิน เจฟฟ์ สกายเลส (แอรอน เอดฮาร์ท) ผู้หันมามองกัปตัน แบบไม่ค่อยเชื่อว่ากัปตันตัดสินใจแบบนี้ แต่เขาก็ทำตามคำสั่งโดยไม่โต้แย้ง พอลงจอดได้สำเร็จ ต้องอพยพออกจากเครื่อง แม้แต่ผู้โดยสารก็อยู่ในระเบียบ ไม่มีดรามาฟูมฟาย แย่งกันออกจากเครื่องบินหรือย้อนกลับไปหาลูกหลานที่ยังตกค้างอยู่ในข้างใน

หนังเรื่องนี้สะท้อนการทำหน้าที่ของแต่ละคน ที่ตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด NTSB ก็ทำหน้าที่ของตนอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ จนคนดูพาลเกลียด

ในระหว่างการสอบสวน ซัลลี่เองในเบื้องลึกก็เหมือนมีความกังวล เขาทั้งฝันร้ายทั้งโทรไปย้ำกับภริยาว่า “ผมอยากให้คุณรู้ว่า ผมทำดีที่สุดแล้ว” การสอบสวนใช้เวลานานถึง 18 เดือน ไม่ใช่ไม่กี่วันแบบที่ปรากฏในหนัง แต่บทสรุปก็ออกมาย้ำความเป็นฮีโร่ของซัลลี่ให้เด่นชัดมากขึ้น

ซัลลี่เป็นหนังดีที่อาจจะไม่สนุกมาก (แต่ไม่น่าเบื่อ) เชียร์ให้ไปดู เพราะสะท้อนสิ่งดีๆ และข้อคิดมากมาย การตัดสินใจอย่างฉับไวบนพื้นฐานประสบการณ์กว่า 40 ปี ที่ทำให้ผู้โดยสาร 155 คนรอดชีวิต ความรับผิดชอบของกัปตันที่ไม่ยอมออกจากเครื่องบินจนกว่าผู้โดยสารทั้งหมดจะออกมา จึงยอมออกเป็นคนสุดท้าย การทำงานเป็นทีมเวิร์คที่ดีระหว่างกัปตันและลูกเรือ

ท้ายเรื่องมี end credit ที่นำ กัปตัน ลูกเรือ ผู้โดยสารตัวจริงมาปรากฏตัว โทนหนังอาจดูหม่นๆ แต่ท้ายเรื่อง คนดูจะรู้สึกมีความสุข

และที่อาจไม่ทราบกันก็คือ ตัวละครกัปตันเรือเฟอร์รี่ลำแรกที่ไปถึงจุดแลนดิ้งของเครื่องบินที่ปรากฏในหนัง เป็นกัปตันเรือตัวจริงเสียงจริงที่ออกไปช่วยผู้โดยสารในเหตุการณ์ครั้งนั้น เช่นเดียวกับตัวละครนักประดาน้ำที่กระโดดจากเฮลิคอปเตอร์ไปช่วย ก็เป็นตัวจริงเช่นกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image