ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
---|
หญิงสาวชายหนุ่มรักใคร่ชอบพอกัน แต่ฝ่ายชายยากจน ไม่มีสินสอดพอจะสู่ขอแต่งงานได้ตามประเพณี หรือถูกกีดกันจากพ่อแม่เครือญาติฝ่ายหญิง
มีทางออกให้เลือก คือ ฉุด หรือ หนีตาม เพื่อรวบรัดเป็นผัวเมียกันก่อน แล้วฝ่ายชายจัดพิธีเสียผีขอขมาทีหลัง
ฉุด หมายถึงชายฉุดหญิงไปทำเมีย
โดยทั่วไปเข้าใจกันด้านเดียวว่าชายใช้ความรุนแรงตามอำเภอใจฉุดหญิง แต่ในความจริงมักเกิดจากหญิงชายนัดแนะรู้กัน โดยหญิงเต็มใจไปในที่ให้ชายฉุด
แต่ที่ชายหักหาญตามอำเภอใจ เพราะหญิงไม่ชอบชายก็มีไม่น้อย
หนีตาม หมายถึงหญิงหนีพ่อแม่ตัวเองไปอยู่กับชายเป็นผัวเมีย เพราะพ่อแม่ไม่ยอมให้แต่งงาน
มีคำชาวบ้านนินทาฝ่ายหญิงว่า “หอบผ้าผ่อนหนีตามผู้ชาย” เพราะร่านและแรดอยากมีผัว
แต่พ่อแม่เครือญาติฝ่ายหญิงจะแก้ตัวว่าลูกสาวถูกฉุด
แต่งงาน
แต่งงาน หมายถึงพิธีเสียผีที่ฝ่ายชายขอขมาพ่อแม่ฝ่ายหญิงที่ฉุดลูกสาวเขาไปร่วมเพศทำเมียโดยมิได้สู่ขอ
เมื่อพ่อแม่รวมทั้งเครือญาติฝ่ายหญิงและชุมชนยอมรับ จะได้อยู่กินเป็นผัวเมียมีลูกเต้าต่อไปตามปกติ
[มีรายละเอียดในหนังสือปลูกเรือน-แต่งงาน ของ เสฐียรโกเศศ สำนักพิมพ์สมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2507 หน้า 110-121]
ครั้นนานเข้าก็เพิ่มเติมรายการอันเป็นมงคลต่างๆ จนไม่เหลือเค้าดั้งเดิม
ท้องแรก, ท้องก่อนแต่ง
ท้องก่อนแต่ง หมายถึงหญิงกับชายมีเซ็กซ์ก่อนแต่งงานเป็นทางการ แล้วฝ่ายหญิงตั้งท้องอ่อนๆ เลยต้องรีบจัดพิธีแต่งงานตามประเพณีให้เป็นที่รู้ทั่วกัน
เมื่อครบกำหนดคลอดลูก บางทีมีชาวบ้านจับผิด แล้วนินทาว่าเพิ่งแต่งงานไม่กี่เดือน ทำไมคลอดเร็วนัก น่าสงสัย?
ผู้ใหญ่ที่มีเมตตาและรู้เท่าทันจะชิงอธิบายตัดบทว่า “ท้องแรกก็เป็นธรรมดาอย่างนี้ทั้งนั้นแหละ ไม่มีใครครบเก้าเดือนหรอก เด็กในท้องมันดิ้นเร็ว”
มีนัยยะว่าเจ้าสาวเจ้าบ่าวคนไหนๆ ก็มีเซ็กซ์กันจนท้องก่อนแต่งเป็นปกติ ไม่เห็นจะต้องทำเป็นงง
ลูกเต็มบ้าน หลานเต็มเมือง
คนแต่ก่อนอยากมีลูกมากๆ จะได้มีแรงงานทำนาทำไร่ จึงมีคำคล้องจองอวยพรเมื่อแต่งงานว่าให้มีลูกเต็มบ้าน หลานเต็มเมือง
เมื่อใครมีลูกสาวใหม่ เพื่อนบ้านญาติมิตรจะอวยชัยให้มีผัวมากๆ มีลูกมากๆ ตัวอย่างในเอกสารจีนพูดถึงคนในกัมพูชา เมื่อ พ.ศ. 1839 (ปีเดียวกับสร้างเมืองเชียงใหม่แต่ก่อนอยุธยา) ดังนี้
“เมื่อชาวบ้านให้กำเนิดลูกหญิง ผู้ที่เป็นบิดามารดามักไม่เว้นที่จะอวยชัยให้พรว่าขอให้เจ้ามีคนต้องการต่อ ไปในภายหน้าขอให้เจ้ามีผัวร้อยคนพันคนเถิด”
[จากหนังสือ บันทึกว่าด้วยขนบธรรมเนียมประเพณีเจินละ ของ โจวต้ากวาน แปลเป็นไทย โดย เฉลิม ยงบุญเกิด (พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2510) สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งที่สอง พ.ศ. 2543 หน้า 19]
ชายอยู่บ้านหญิง หลังแต่งงาน
เมื่อเลือกชายขยันทำมาหากินได้ถูกใจ ครอบครัวฝ่ายหญิงก็ให้มีพิธีแต่งงาน แล้วขยายเรือนมีครัวให้อยู่กินออกไปต่างหาก เรียก “แยกครัว” เพราะทำใหม่เพิ่มเฉพาะครัว แต่ตัวเรือนอยู่รวมกันลักษณะเรือนยาว (หรือ “ลองเฮาส์”) สมัยหลังถึงแยกเรือนอีกหลังหนึ่ง
หมายความว่าโดยประเพณีแล้วชายต้องอยู่บ้านหญิง เรียก “แต่งเขยเข้าบ้าน” เท่ากับคนเป็นผัวต้องสงบปากสงบคำ เพราะอยู่ท่ามกลางเครือญาติของเมีย ถ้าโหวตเมื่อไรผัวก็แพ้เมียวันยังค่ำ
เหตุมาจากหญิงเป็นผู้รับมรดกจากครอบครัว เป็นเจ้าของบ้านและที่ดิน แล้วเป็นผู้สืบตระกูล ไม่ใช่ชาย