เว็บไซต์เซี่ยงไฮ้อิสต์ รายงานเมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมาระบุว่า นักวิจัยจีนอยู่ระหว่างการพัฒนา “รถไฟความเร็วสูง” ยุคต่อไปที่สามารถนำผู้โดยสารไปยังจุดหมายปลายทางทั่วโลกได้ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
จากรายงานของเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ อ้างคำสัมภาษณ์ของเจี่ย ลี่หมิ่น ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเป่ยจิงเจียวทง ที่เปิดเผยว่ารถไฟดังกล่าวจะขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริดจ์ ที่สามารถทำความเร็วได้มากกว่าที่เคยมีมา และสามารถทนต่อสภาพอากาศได้ทุกแบบบนโลกใบนี้
รายงานระบุว่า การปรับตัวดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญในเวลาที่จีนพยายามจะวางระบบรางสำหรับรถไฟความเร็วสูงไปทั่วโลก ล่าสุดจีนได้เข้าเสนอตัวเป็ฯผู้สร้างโครงข่ายรถไฟความเร็วสูงแล้วในอังกฤษ ออสเตรเลีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อิหร่าน และเม็กซิโก และขณะนี้กำลังสร้างทางรถไฟความยาว 3,000 กิโลเมตรในตุรกี ไทย อินโดนีเซีย และรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม จีนมีโชคไม่ดีนักในโครงการต่างๆ หลังได้ชัยชนะเหนือญี่ปุ่นในการสร้างทางรถไฟในอินโดนีเซีย โครงการดังกล่าวต้องล่าช้าออกไปหลายครั้ง และบางส่วนถูกเรียกร้องให้ล้มเลิกโครงการ ขณะที่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ไทยประกาศว่า รัฐบาลจะลงทุนสร้างโครงการรถไฟด้วยตัวเอง ขณะที่ในเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา มีข่าวว่าจีนจะไม่ได้เป็นผู้สร้างทางรถไฟความเร็วสูงระหว่างลอสแองเจลิสและลาสเวกัส ในสหรัฐแล้ว ขณะที่ ไต้หวันยังไม่มีการตอบรับให้กับจีนเกี่ยวกับการสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงข้ามช่องแคบแต่อย่างใด
ทั้งนี้ในประเทศจีนเอง เป็นประเทศที่มีเส้นทางรถไฟความเร็วสูงกินระยะทางยาวที่สุดในโลกที่ 20,000 กิโลเมตร โดยจีนวางแผนเพิ่มเส้นทางรถไฟความเร็วสูงให้เพิ่มขึ้นเป็น 30,000 กิโลเมตร ในปี 2563 ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 45,000 กิโลเมตรในปี 2573 ขณะที่ความเร็วรถไฟความเร็วสูงของจีนในปัจจุบันสามารถทำความเร็วได้สูงสุดที่ 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
