‘บิ๊กตู่’รู้แล้ว ถูกขรก.แช่ง’ระวังดาบนั้นคืนสนอง’ ลั่นไม่กลัว ไม่ได้ผิด ทุกอย่างว่าตามกม.(คลิป)

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 30 กันยายน ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานมอบนโยบายในการสัมมนาเสริมสร้างความรู้และธรรมาภิบาลของกรรมการรัฐวิสาหกิจว่า จากการทำงานร่วมกันมา 2 ปี ความคิดบางอย่างอาจแตกต่างกันแต่เชื่อมั่นว่าวันนี้ทุกคนต้องกลับมามองประเทศไทย ว่าจะต้องยืนอยู่ตรงไหนของประชาคมโลก และขอให้เชื่อมั่นว่าตนไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้องใดๆ ทุกอย่างทำเพื่อประเทศไทย และคิดว่าทุกคนรักประเทศไทยเช่นเดียวกับตน ขอให้ช่วยกันทำในสิ่งที่ดี เกิดความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศให้เร็วที่สุดตามนโยบายที่มีอยู่

“ขอให้ทุกคนอย่าเครียดในการทำงาน ซึ่งผิดกับผมซึ่งเครียดทุกวัน เมื่อสักครู่นั่งรถมาก็มีเรื่องให้เครียด เพราะมีงานเข้ามาทั้งวัน หลายคนบอกให้ผมใจเย็นๆ อย่าไปรับมาทุกเรื่อง แต่ทำอย่างไรได้เพราะลงมาที่ผมทุกเรื่อง กลับไปกลับมาด่าใครไม่ได้ก็ด่านายกฯก่อน แต่ไม่เป็นไรผมรับได้ ยิ่งด่ายิ่งมีกำลังใจการทำอะไรต้องเริ่มจากใจตัวเอง ต้องปฏิรูปตัวเองก่อนถึงจะปฏิรูปประเทศได้ ผมไม่ได้ว่าที่ผ่านมาดีหรือไม่ดี แต่วันนี้ต้องทำให้ดีขึ้นกว่าเดิมไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้จะปฎิรูปไปทำไม ประเทศชาติจำเป็นต้องฟื้นฟูในทุกด้าน รัฐวิสาหกิจก็ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่จะปฏิรูปให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจในการพัฒนาประเทศ การลงทุนและธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเป้าหมายเพื่อสร้างสังคมไทยให้มีคุณภาพเข้มแข็งมีคุณธรรมและธรรมาภิบาล ซึ่งพูดกันมานานตั้งแต่ผมยังเด็ก ทั้งเรื่องของคุณธรรม จริยธรรมและธรรมาภิบาล ถ้าทุกคนรู้ว่าสิ่งดีควรทำสิ่งไม่ดีก็ไม่ควรทำ ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ก็ถือว่าเป็นคนที่มีคุณธรรมแล้ว ก็จะทำให้องค์กรไม่เดือดร้อนเป็นองค์กรที่มีจริยธรรมจากนั้นก็จะขึ้นไปสู่การบริหารราชการที่มีธรรมาภิบาล สิ่งสำคัญต้องเสียสละและอดทน ต้องคำนึงถึงผู้อื่นมากกว่าตัวเอง ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม และไม่ได้มุ่งหาผลกำไรเพียงอย่างเดียว” นายกฯกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การบริหารบ้านเมืองให้มีธรรมาภิบาลเกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชนรัฐวิสาหกิจ และประชาชนทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือสร้างสังคมที่มีคุณธรรม สร้างองค์กรให้มีจริยธรรมและธรรมาภิบาลในการทำงานตนขอเวลาอีก 1 ปีตามโรดแมปที่วางไว้ ทำให้สังคมและประชาชนเดินไปด้วยกันได้ ไม่ใช่แบ่งเป็นสองข้างเสมอ เหมือนเหรียญที่มีสองด้าน ส่วนที่ไม่เห็นด้วยมีไม่มากนักแต่ตนห่วงส่วนที่อยู่ตรงกลาง ซึ่งไม่รู้จะไปทางไหนเทไปเทมาประมาณ 30-40 เปอร์เซ็น หากไหลไปรวมกับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยรัฐบาลก็ทำงานไม่ได้ ดังนั้นจะต้องเร่งแก้ไขปัญหาในการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ เปิดเผยโปร่งใส ต้องไม่ไปรวมหัวกันกระทำการทุจริต หรือทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ต้องสร้างให้สังคมมีความเชื่อมั่น

Advertisement

“ผมเปิดเว็บดู ไปเจอข้อความซึ่งเป็นคนที่ถูกสอบสวนโดยกระบวนการทางกฎหมายเขียนไว้ บอกว่าตอนนี้เกษียณอายุราชการแล้ว ขอบคุณนายกฯและหัวหน้า คสช. จำไว้แล้วกันระวังดาบนั้นคืนสนอง ผมก็คิดว่าผมผิดตรงไหนในเมื่อตัวเองมีความผิด กฎหมายก็ดำเนินการไปแล้ว แล้วจะมาบอกว่าผมไปทำร้ายเขา ผมบอกตรงๆ ผมไม่เคยคิดทำร้ายคนเลย ผมเป็นทหารเกือบ 40 ปี ไม่เคยคิดอยากฆ่าใครสักคน ที่ใช้อาวุธก็ต่อสู้กับอริราชศัตรู ไม่รู้จักกันและไม่รู้ว่าที่ยิงไปตายหรือเปล่า ถือเป็นสิ่งสำคัญต้องดูที่เจตนา” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ขอให้ทุกคนทำงานเชิงรุกถ้าตั้งรับแบบเดิมไม่ได้แล้ว เราต้องป้องกันตัวเองก่อนที่จะทำงานทุกงาน ไม่เช่นนั้นก็จะติดขัดถ้าดันทุรังทำวันข้างหน้าก็ถูกฟ้องกลับมา จึงอยากจะเตือนไว้ก่อน กฎหมายก็คือกฎหมาย หน้าที่ของตนต้องทำกฎหมายให้บังคับใช้ให้ได้ และนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตนไม่เคยไปตั้งข้อกล่าวหาขึ้นมาเองหรือไปล้วงลูกใคร ทุกอย่างมีการเสนอเข้ามาแม้แต่การใช้มาตรา 44 เพื่อดำเนินการสอบสวนก็มีผู้เสนอขึ้นมาผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วจะให้ตนทำอย่างไรในเมื่อมีรายชื่อขึ้นมา ไม่ทำก็ไม่ได้ เมื่อมีการเสนอขึ้นมาตามขั้นตอนก็ต้องอนุมัติตามหลักฐานที่มี แต่ถ้าไม่มีหลักฐานแล้วเสนอขึ้นมาก็ต้องไปเล่นงานคนที่เสนอ ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน ไม่ใช่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายกฯคนเดียว ถ้าไม่ร่วมมือกันก็ขับเคลื่อนไม่ได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image