…เป็นข่าวเกรียวกราว เมื่อ “บิ๊กปู” พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ออกโรงมาเตือนตรงๆ ว่า กำลัง “เฝ้าระวัง” คาร์บอมบ์ จากภาคใต้ ที่จ้องลงมือใน “กรุงเทพฯ-ปริมณฑล” 3 จุดด้วยกัน โดยอาศัยวาระ “ครบรอบก่อตั้งบีอาร์เอ็น, กองกำลังพูโล และการสลายม็อบที่ตากใบ” ที่วนมาบรรจบในเดือนเดียวกันพอดี
…เมื่อเตือนมาแบบนี้ ก็คงจะนิ่งดูดายไม่ได้ ระยะนี้ไปไหนมาไหน ต้อง “หูไวตาไว” พบสิ่ง “ผิดสังเกต” ต้องช่วยกันระแวดระวัง แต่คงไม่ถึงกับ “แตกตื่น” จนเสียกระบวนไปหมด ถือว่าเป็นเรื่องดีที่เจ้าหน้าที่ ออกมา “สื่อสาร” กันตรงๆ เพื่อ “ขอแรง” สังคม ให้ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ดีกว่า “อมพะนำ” เอาไว้ พอเกิดเหตุค่อยพูดเนิบๆ หล่อๆ ว่า การข่าวรายงานมาแล้ว รู้ก่อนแล้ว ซึ่งเสียหายมามากแล้ว
…รอบที่แล้ว กลุ่มจาก 3 จังหวัด ข้ามเขตมา ลงมือต่อเนื่อง “17 จุด” สนั่นภาคใต้ตอนบน ระหว่าง 11-12 ส.ค. ล้วนแต่ “แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ” ความเสียหายเป็นยังไง คงพอทราบกันแล้ว เวลาผ่านมา 2 เดือน เข้า “วงรอบ” ที่เจ้าหน้าที่จะเริ่ม “เฉื่อย” ไหนยังเพิ่งผ่าน “รอยต่อ” ของการโยกย้ายสลับสับเปลี่ยนตำแหน่ง เป็น “จุดอ่อน-ช่องโหว่” ที่สุ่มเสี่ยงในตัวเอง กลุ่มขบวนการ อาจฉวยโอกาสลงมือได้
…น่าคิดเหมือนกันว่า “คำเตือน” ในครั้งนี้ เท่ากับบอกไปในตัวว่า “สถานการณ์ไฟใต้” ที่เคยจำกัดวงอยู่เฉพาะภาคใต้ตอนล่างได้เปลี่ยนไปแล้ว และต้องถือว่า “น่าห่วง” ครั้งที่แล้วเมื่อเดือน ส.ค. ทางรัฐพยายามบอกว่า เป็นฝีมือ “กลุ่มการเมือง” ที่เสียประโยชน์จากการลง “ประชามติ” แต่การสอบสวนที่คลี่คลายคืบหน้า กลับเป็นคนละเรื่อง
…กระสุน “วิถีโค้ง” ที่พุ่งออกมาจากคำเตือนนี้ ชี้ว่า อาจถึงเวลาต้องมา “ยกเครื่อง-ทบทวน” กระบวนการแก้ปัญหาไฟใต้กันอีกครั้งว่า จะเดินไปทางไหนกันดี ที่จริง มี “สัญญาณบวก” จากรัฐบาล ที่ได้แต่งตั้ง “ครม.ส่วนหน้า” หรือคณะผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ที่นำโดย “บิ๊กโด่ง” พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร อาจจะต้องเร่งจัดโต๊ะ เปิดประเด็นถกกันได้แล้ว
…ผ่านไปแล้ว การประชุมเอซีดี หรือการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย ที่มีผู้นำจาก 34 ประเทศเข้าร่วม จับมือกัน “แน่นๆ” ว่า จะร่วมกันพัฒนาในเรื่องต่างๆ ที่พิเศษ ได้แก่ ผู้นำจาก “ตะวันออกกลาง” หลายประเทศมาร่วมวงด้วย ที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เห็นจะเป็น “รมว.ต่างประเทศ ซาอุดีอาระเบีย” ที่รับมอบหมายจากพระราชาธิบดีมาร่วมประชุม
…กรณีไทย-ซาอุฯ นี้ พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกรัฐบาล แถลงว่า สองฝ่ายเห็นว่า ถึงเวลาต้องฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่ชะงักมา 2 ทศวรรษแล้ว เป็นประเด็นที่น่าสนใจ เพราะหลังจากกรณี “เพชรซาอุฯ” มาจนถึง “อุ้มฆ่านักการทูต” สถานการณ์ในประเทศของแต่ละฝ่ายเปลี่ยนไป ถ้า “ต่างคนต่างอยู่” ก็เท่ากับเสียผลประโยชน์ทั้งคู่ ก็น่าติดตามว่า “ก้าวใหม่” ในสัมพันธไมตรีของ 2 ประเทศนี้ จะออกมาในรูปไหน
กาแฟป่า
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่