วันที่ 16 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวได้รายงานเรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่งที่ในอดีต ขณะที่อายุในขณะนั้นเพียง 7 ขวบ ได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งเพื่อเป็นการถวายฎีกาในหลวงช่วยรักษาพ่อที่ป่วย จนทางสำนักราชวังได้ตอบจดหมายกลับมายังที่ครอบครัวไม่เคยคาดคิด ปัจจุบันเด็กชายคนดังกล่าวอายุ 14 ปีแล้วที่ได้รับพระราชทานตามถวายฎีกา คือ ด.ช.นที หรือน้องโอ บุญยสุขานนท์ อายุ 14 ปี อยู่ที่ ต.พงสวาย อ.เมือง จ.ราชบุรี ผู้ที่เคยเขียนจดหมายถวายฎีกาถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อขอให้มารักษานายไพโรจน์ วารวร อายุ 60 ปี พ่อบุญธรรมซึ่งมีอาการป่วยเป็นแผลที่ขา และตามองไม่ค่อยเห็น ต่อมาสำนักพระราชวังมีหนังสือตอบรับกลับมาและมารับตัวนายไพโรจน์ไปรักษา ซึ่งถือเป็นความปลื้มปีติและเป็นพระมหากรุณาธิคุณของครอบครัวอย่างหาที่สุดมิได้ ซึ่งในวันที่เขียนจดหมายถวายฎีกาวันที่ 2 มิ.ย. 52 จนถึงวันนี้ เป็นเวลากว่า 8 ปีแล้ว ปัจจุบัน ด.ช.นที เรียนอยู่ชั้น ม.3 โรงเรียนเทศบาล 1 วัดสัตตนารถ เขตเทศบาลเมืองราชบุรี
ด.ช.นที ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ตอนนั้นอายุ 7 ขวบ นั่งดูในโทรทัศน์แล้วเห็นในหลวง แต่ยังไม่รู้จัก ก็เลยถามแม่ว่าท่านคือใคร แม่ก็บอกว่าท่านคือเทวดา ท่านช่วยเหลือคนมากมาย จึงทำให้คิดว่าเมื่อท่านเป็นเทวดาก็น่าจะช่วยรักษาพ่อได้ จึงได้เขียนจดหมายไปหา โดยเขียนแบบเด็กๆ เขียนด้วยดินสอ และไม่คิดว่าจะได้รับหนังสือตอบกลับ ซึ่งหลังเขียนเสร็จก็ไม่ได้บอกใคร และเมื่อพ่อขี่จักรยานมารับเพื่อไปช่วยพ่อขนผักที่ตลาด ก็แอบเดินไปส่งจดหมายที่ไปรษณีย์ โดยบอกว่าจะไปซื้อขนม หลังจากนั้นอีกไม่นานก็มีหนังสือตอบรับกลับมาจากสำนักพระราชวัง ซึ่งแม่เป็นคนรับไว้ ตอนนั้นก็รู้สึกดีใจที่จะมีคนมารักษาพ่อ ทำให้พ่อไม่เสียชีวิต
“หลังจากนั้นประมาณ 2 อาทิตย์ก็มารับพ่อไปรักษา ซึ่งท่านได้ช่วยทำให้ชีวิตครอบครัวของผมดีขึ้นมาและยังให้ทุนการศึกษาเดือนละ 1,000 บาท กับผมด้วย และถ้าอยากได้อะไรก็ให้เขียนจดหมายไปขอได้ แต่ก็ไม่เคยเขียนไปเพราะสิ่งที่ท่านให้มานั้นเยอะมากแล้ว เมื่อทราบข่าวว่าท่านสวรรคตก็รู้สึกเสียใจมากไม่คิดว่าจะมีวันนี้ เพราะผมยังไม่ได้ตอบแทนเลยที่ท่านได้ช่วยครอบครัวผม ทุกวันนี้ได้น้อมนำเรื่องของเศรษฐกิจพอพียงมาใช้ในชีวิตประจำวัน โดยการประหยัดไม่ฟุ่มเฟือย ตั้งใจเรียนซึ่งผลการเรียนนั้นเกรดเฉลี่ยอยู่ประมาณ 3 กว่า รวมทั้งเป็นคนดี และผมตั้งใจว่าอยากจะเป็นทหารรักษาพระองค์ไม่คิดว่าท่านจะสวรรคตก่อน อยากตอบแทนพระองค์ท่าน และถึงแม้ว่าท่านจะสวรรคตแล้วก็ยังอยากจะเป็นทหารรักษาพระองค์อยู่” ด.ช.นที กล่าว
ด้านนางเพ็ญรุ่ง บุญยสุขานนท์ อายุ 51 ปี แม่ของเด็กชายนที เล่าถึงความรู้สึกว่า ตอนแรกไม่รู้ว่าลูกเขียนจดหมายไป จนวันที่ได้รับจดหมายจากสำนักพระราชวัง ก็ไม่กล้าเปิดเพราะกลัวจึงได้ให้พี่สาวเปิดอ่าน จึงได้รู้ว่าลูกชายนั้นเขียนจดหมายไป จึงได้ถามลูกว่า เขียนอะไรไปซึ่งลูกก็บอกว่า ก็เขียนไปให้ท่านมาช่วยรักษาพ่อ เพราะแม่บอกว่าท่านเป็นเทวดาก็ต้องรักษาพ่อได้ หลังจากนั้นก็มีคนมารับไปที่วัง และเขาก็บอกว่าต่อไปทางครอบครัวจะได้รับความกรุณาจากพระองค์ท่านนะ พระองค์ท่านจะให้ทุนการศึกษาและรับอุปการะ ซึ่งตอนนั้นไม่รู้ว่าจะพูดยังไงเพราะแค่จดหมายฉบับเดียวพระองค์ท่านยังเมตตาขนาดนี้ เมื่อทราบข่าวว่าท่านสวรรคตก็รู้สึกเสียใจมาก เพราะคิดไว้ว่าเมื่อลูกโตขึ้นก็จะให้ไปรับใช้พระองค์ท่าน แต่ท่านก็มาสวรรคตไปเสียก่อน และได้ตั้งปณิธานไว้ว่าจะเป็นคนดี และก็จะสวดมนต์ภาวนาให้ท่านตลอดซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำได้
รายงานระบุว่า สำหรับครอบครัวบุญยสุขานนท์ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ทางหน่วยงานของกาชาด จ.ราชบุรี ได้เข้าไปทำการสร้างบ้านให้กับครอบครัวทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ซึ่งทุกวันนี้นางเพ็ญรุ่ง บุญยสุขานนท์ แม่ของเด็กชายนทีก็มีอาชีพขายไอศกรีม พอมีรายได้เลี้ยงดูครอบครัวได้ ส่วนนายไพโรจน์ วารวร ซึ่งเป็นพ่อบุญธรรมของ ด.ช.นที ก็อยู่ในความดูแลของแพทย์ที่โรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลรามาธิบดี โดยพักที่บ้านพักราชินีซึ่งอยู่ใกล้กับ สน.ดุสิต