ตะลุยสุดขั้วโลก เส้นทางทรานไซบีเรีย กับมาสด้า CX3 และ CX5

เปิดความเร้าใจกับทริป “เปิดประสบการณ์สุดขั้วโลก มาสด้า สกายแอคทีฟ ครอสโอเวอร์ (Mazda SKYACTIV Crossover)” ในการเดินทางไปกับมาสด้า ระหว่างวันที่ 5-19 ตุลาคม 2559 จากการบินลัดฟ้าสู่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน แล้วบินต่อไปยังเมืองอูลานบาร์ตาร์ ประเทศมองโกเลีย จุดเริ่มต้นของเส้นทางทรานไซบีเรีย เพื่อเดินทางสู่เป้าหมายกรุงมอสโก สหพันธรัฐรัสเซีย

การเดินทางครั้งนี้แบ่งออกเป็น 2 กรุ๊ป กรุ๊ปแรกเดินทางจากเมืองอูลานบาร์ตาร์ ไปถึงโนโวซีบีรสค์ (Novosibirsk) ก่อนส่งไม้ต่อให้กับกรุ๊ปบี จะเดินทางต่อไปยังกรุงมอสโก

เมื่อเครื่องบินลงสู่สนามบินอูลานบาร์ตาร์ คณะถูกต้อนรับด้วยหิมะสีขาวที่ปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ ชาวพื้นถิ่นบอกว่าเป็นหิมะแรกในรอบปี ถือเป็นโชคดีของคณะได้มาพบกับอุณหภูมิ 3 องศาเซลเซียส ก่อนจะพบรถมาสด้า CX3 จำนวน 6 คัน รถมาสด้า CX5 จำนวน 2 คัน และรถปิดหัวปิดท้ายขบวน กับมาสด้า บีที-50 โปร (BT-50 PRO) จำนวน 2 คัน

รถมาสด้า CX3 ถือกำเนิดมาภายใต้แนวคิด “ซี เดอะ เวิลด์ อิน นิว แองเจิล (See the World in New Angle) – มองโลกมุมใหม่ อิสระไร้ขีดจำกัด” พละกำลังมาจากเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร ให้แรงม้าสูงถึง 156 แรงม้า และแรงบิดสูงถึง 204 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมัน 16.4 กม./ลิตร ทั้ง 6 คันประกอบไปด้วย หมายเลข 01 สีแดง โซล เรด (soul red) หมายเลข 02 และหมายเลข 6 สีขาว เซรามิก ไวท์ (ceramic white) หมายเลข 3 สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (snowflake white pear) หมายเลข 4 และหมายเลข 5 สีน้ำเงิน (blue)

Advertisement

ขณะที่ มาสด้า CX5 ทั้ง 2 คัน กับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร หมายเลข 07 สีเงิน อะลูมินัมเมทัลลิค (alluminum metallic) หมายเลข 8 สีเทา เมทิเออ เกรย์ ไมก้า (meteor gray mc)

ยานยนต์4

การเดินทางเริ่มต้นที่ มาสด้า CX5 จากสนามบินเมืองอูลานบาร์ตาร์ มุ่งตรงสู่เมืองซุคบาตาร์ (Sukhbatar) ด้วยระยะทาง 330 กิโลเมตร ขบวนเคลื่อนตัวผ่านเมืองด้วยอัตราความเร็ว 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง พ้นจากเมืองที่ภูเขาปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง ผ่านสู่เส้นทางชนบท ถนน 2 เลน ขับเลนขวา เวลาแซงต้องแซงทางซ้าย แต่รถทั้งหมดถูกส่งมาจากไทยทางเรือ ทำให้พวงมาลัยอยู่ทางขวามือ ทริปนี้ความสำคัญจึงตกไปอยู่ที่เนวิเกเตอร์ต้องคอยบอก และตัดสินใจร่วมกับคนขับรถในการแซงทางด้านซ้ายเพราะมีรถยนต์สวนตลอดระยะทาง

Advertisement

2 ข้างทางออกจากเมืองปกคลุมด้วยต้นหญ้า แต่บนยอดเขายังมีหิมะให้เห็นอยู่ไกลๆ บรรยากาศภายนอกรถ 1-2 องศา ส่วนภายในรถฮีตเตอร์ถูกตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 25-26 องศา อากาศกำลังสบาย กับเบาะหนังนุ่มๆ 5 ที่นั่ง ภายในกว้างทั้งด้านหน้าและห้องผู้โดยสาร ประตูหลังบรรจุกระเป๋าขนาดใหญ่ 4 ใบ และสัมภาระอื่นๆ อีกจำนวนมาก แต่ก็สามารถรองรับได้หมด

สำหรับ CX5 มีระบบไฟหน้าอัจฉริยะ ALH (Adaptive LED HEadlamps) ช่วยปรับการทำงานสูง-ต่ำ แยกกันทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ให้เหมาะสมกับระยะห่าง และตำแหน่งของรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ ในยามค่ำคืนจะช่วยให้ไฟสูงไม่รบกวนรถคันอื่น และอีกสิ่งหนึ่งที่ล้ำหน้าคือระบบเตือน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring) จะเตือนเมื่อรถอยู่ในจุดอับหรือจุดที่คนขับมองไม่เห็น เมื่อจะแซงคันหน้าจะมีระบบเตือนว่าด้านข้างมีรถกำลังแซงขึ้นมาจากด้านหลัง และจะมีไฟกะพริบที่กระจกมองข้าง ทำให้ผู้ขับขี่มองเห็นได้ทันที ถือว่าเป็นการช่วยลดอุบัติเหตุได้เป็นอย่างดี

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

เส้นทางก่อนพระอาทิตย์ตก 2 ข้างทางเต็มไปด้วยต้นหญ้า มีสัตว์เลี้ยงทั้งฝูงวัว ม้า แพะ และแกะ แทะเล็มหญ้าแก่สีเหลืองบนทุ่งหญ้าตามเนินเขา ในช่วงค่ำผู้ขับต้องเพิ่มความระมัดระวัง เพราะ 2 ข้างทางฝูงสัตว์จะทยอยเดินข้ามถนนเพื่อกลับสู่แหล่งพักพิง และรถทุกคันจะต้องชะลอให้ฝูงสัตว์เดินผ่านไปก่อนทุกครั้ง และเมื่อฝูงสัตว์วิ่งตัดหน้ารถระบบ SCBS (Smat City Brake Support) จะหยุดรถอัตโนมัติทันที เมื่อขับด้วยความเร็วต่ำเพื่อลดอุบัติเหตุ

เมื่อ 2 ข้างทางมืดมิด คณะถึงที่พักหลังอาทิตย์ลับฟ้า อุณหภูมิลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ในช่วงค่ำอยู่ที่ 0 องศา ในยามดึกอากาศอยู่ที่ -10 องศา และรุ่งอรุณถัดมา อุณหภูมิอยู่ที่ -5 องศา คณะออกเดินทางต่อไปยังเมืองอุลาน อุเด (Ulan ude)

วันนี้เป็นการเดินทางข้ามพรมแดนระหว่างประเทศมองโกเลีย เพื่อเข้าสู่รัสเซีย

แต่มีปัญหาขลุกขลักเล็กน้อย เมื่อด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) มองโกเลีย ไม่ปล่อยให้คาราวานผ่านด่านไปได้ง่ายๆ วันนี้เราจึงต้องอยู่ที่ด่านมองโกเลีย ร่วม 5 ชั่วโมง ได้สัมผัสกับอากาศ 0 องศา ภายนอกรถ เพราะรถทุกคันถูกค้น ผู้โดยสารต้องนำกระเป๋าเข้าเครื่องสแกน และต้องรออยู่ที่กระเป๋าตัวเองด้านนอกอาคาร

ทุกคนมีความหนาวสั่น แต่ยังดีอยู่บ้างที่มีแดดแผดเผาให้ร่างกายรู้สึกอุ่นขึ้นมาบ้าง ขณะที่อุณหภูมิยังคงอยู่ที่ 0 องศา เรามาถึงจุดนี้เวลา 10.00 น. เวลาท้องถิ่น และได้ออกเดินทางต่อในเวลา 15.00 น.

ผ่านพ้น ตม.มาได้ ขบวนยังคงติดหน้าด่านประตูฝั่งมองโกเลียอีกเกือบครึ่งชั่วโมง จากนั้นจึงเข้าสู่ชายแดนรัสเซีย

ยานยนต์5

เมื่อเข้าสู่ ตม.รัสเซีย ก็มีปัญหาไม่แพ้กัน เนื่องจากมาเป็นคณะจึงมีความยุ่งยากเรื่องเอกสาร และเจ้าหน้าที่ของทางรัสเซียเป็นห่วงเรื่องเอกสารขาออก หลังจากจบทริป จึงดำเนินการให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันปัญหาจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า รถคันแรกจึงได้เริ่มทยอยออกจาก ตม. ในเวลา 18.20 น.

ฟ้าเริ่มโพล้เพล้ รถจอดรอขบวนที่สถานีเติมน้ำมันใกล้ด่านที่สุด เพื่อเติมเสบียงให้กับคนขับ ผู้โดยสาร และรถ

คณะมาครบ คนอิ่ม รถอิ่ม ตั้งขบวนเพื่อเดินทางต่อกับเส้นทางอีก 400 กว่ากิโลเมตร พร้อมไปกับความมืดมิดกำลังคืบคลานมาเยือน

2 ข้างทางยังพอมีแสงแดดรำไร พอให้ได้เห็นป่าสนเขียวสดอยู่ตามเทือกเขาตัดกับสีขาวนวลของหิมะปกคลุมดิน ผ่านไปไม่นานท้องฟ้ามืดสนิท ในขณะที่รถทุกคันต้องใช้ความเร็วเพื่อไปถึงที่พักให้เร็วที่สุด เพราะทุกคนอ่อนล้ามาจากที่ด่านชายแดนมากแล้ว

ยานยนต์6

ช่วงนี้จึงเป็นการทดสอบความเร็วและสมรรถนะของรถ วิ่งขึ้น-ลงเนิน ตลอดจนการไต่ไปตามไหล่เขา วิ่งเลาะขอบเหว แต่ความมืดทำให้ความหวาดเสียวจากเหวลดลง ตรงนี้ทำให้ได้เห็นการทำงานของไฟหน้า ALH ทำงานโดยอัตโนมัติ เมื่อรถขับจี้คันหน้า ไฟจะหรี่ลง และหรี่หนึ่งข้างเมื่อมีรถขับสวนทาง นอกจากนี้ รอบและความเร็วของรถทะยานได้อย่างต่อเนื่องดีมาก

ตลอดข้างทางมืดสนิท คณะมาถึงที่พักราว 4 ทุ่ม เป็นที่พักบนเนินเขาริมทะเลสาบไบคาล (Baikal) ทะเลสาบลึกที่สุดในโลก ถึง 1,640 เมตร และมีความยาว 650 กิโลเมตร ได้จดทะเบียนขึ้นเป็นมรดกโลก

รุ่งขึ้นแผนเดิมคือการเดินทางไปยังเมืองตูลูน (Tulun) ในระยะทาง 480 กิโลเมตร แต่มีการเปลี่ยนแผนเพิ่มระยะทางให้มากขึ้น เพื่อวันรุ่งขึ้นจะได้เดินทางในระยะทางที่สั้นลง คณะจึงย้ายไปพักที่เมืองเทย์เชท (Tayshet) เพิ่มจากเดิม 100 กว่ากิโลเมตร

การเดินทางวันที่ 4 เป็นการเดินทางโดยมาสด้า CX3 กับขนาดที่เปลี่ยนไปของรถอย่างเห็นได้ชัด เพราะ CX3 มีขนาดเล็กกว่า แต่มีรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยว ความอัจฉริยะไม่ต่างจาก CX5 เพียงแต่เป็นการย่อขนาดมาเท่านั้น เพราะตัวเครื่องมีขนาด 2.0 ลิตรเท่ากัน ทำให้อัตราเร่งของ CX3 ออกตัวสปีดต้นได้ดีกว่า CX5 ส่วนการเกาะถนนหนึบทุกโค้งไม่แตกต่างกัน อัตราความเร็วในขณะที่มีผู้โดยสารอีก 3 คน สามารถเร่งได้ถึง 170 กิโลเมตรได้ไม่ยาก เมื่อต้องไล่เกาะขบวนให้ทัน

ยานยนต์1

กระจกมองข้างเตือน จะมีไฟกะพริบเตือนทุกครั้งที่มีรถแซง ทำให้สัมผัสได้ถึงความปลอดภัย ที่นั่งคนขับกว้างนั่งสบาย ในช่วงระยะทางตรงยาวสามารถทำความเร็วได้ดี ในขณะที่มีหิมะโปรยปราย ถนนลื่น รถยังสามารถเกาะถนนได้หนึบ แม้จะต้องชะลอความเร็วลงบ้างหรือต้องเบรกกะทันหัน รถยังคงทรงตัวได้ดี ไม่แฉลบออกนอกเลน

2 ข้างทางยังคงเต็มไปด้วยทุ่งหญ้าและทิวสน ขบวนแวะเก็บบรรยากาศพร้อมทั้งถ่ายภาพหมู่ ก่อนเดินทางเข้าสู่เมือง เป็นครั้งแรกของการเดินทางได้พบกับตึกสูงและความเจริญ เพราะตลอดทางที่ผ่านมามีเพียงหมู่บ้านเล็กๆ 2 ข้างทาง วันนี้ถึงที่หมายเร็วกว่าทุกวัน พระอาทิตย์ยังไม่อัสดง

วันที่ 6 เดินทางจากเทย์เชท มุ่งหน้าสู่เมืองเคเมโรโว (Kemerovo) ระยะทาง 400 กิโลเมตร ก่อนแวะเข้าหมู่บ้าน เพื่อเก็บบรรยากาศการใช้ชีวิตของชาวบ้านริมธาร และมีการเก็บฟืนไว้เป็นเชื้อเพลิงพักพิงในหน้าหนาว บรรยากาศบนเส้นทางทรานไซบีเรีย ไม่มีอะไรต่างไปจากเดิม มีแต่ความสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นทุ่งหญ้า ทิวสน หิมะ วันนี้เราเดินทางถึงที่หมายพลบค่ำ

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

สำหรับการเดินทางวันสุดท้าย ระยะทางสั้นกว่าทุกวัน ออกเดินทางจากเคเมโรโว ไปยังเมืองโนโวซีบีรสค์ (Vonosibirsk) วันนี้อุณหภูมิ 0 องศา อากาศชื้นทำให้มีหิมะตกลงมาค่อนข้างหนัก ข้างทางแม้กระทั่งต้นไม้กลายเป็นสีขาวโพลน รถยังคงวิ่งมุ่งหน้าทะยานสู่ที่หมาย แต่ต้องใช้ความเร็วลดลงกว่าทุกวันเพราะหิมะตกตลอดทาง รถยังคงเกาะถนนได้อย่างดีเยี่ยม ช่วงล่างยังแน่นหนึบ นำเราไปถึงที่หมายที่เป็นเมืองขนาดใหญ่เข้าสู่ความเจริญ

สำหรับทริปนี้ เติมน้ำมันวันละครั้ง แม้จะใช้ความเร็วค่อนข้างสูงตลอดทาง แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า น้ำมันในถังก่อนจะเติมยังคงเหลือมิใช้น้อย

ยานยนต์7

และในวันสุดท้ายของกรุ๊ปเอ คณะได้ส่งมอบรถให้กับกรุ๊ปบี เพื่อสานภารกิจนำฝูงมาสด้า CX3 และ CX5 มุ่งหน้าสู่กรุงมอสโก กับระยะทางรวม 6,000 กิโลเมตรต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image