| ที่มา | มติชนรายวัน |
|---|---|
| เผยแพร่ |
เนื่องในวาระครบรอบ 100 ปี ของการก่อตั้งบริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ยักษ์ใหญ่ในวงการรถยนต์ระดับโลกจากประเทศเยอรมนีในปีนี้ ทางบริษัทได้เผยแพร่ “มอเตอร์แรด วิชั่น เน็กซ์ 100” แนวคิดยวดยานในอนาคตสำหรับอีก 100 ปีข้างหน้า
ยานยนต์ที่ยังเป็นเพียงแนวความคิดเหล่านี้มี อาทิ โรลส์-รอยซ์ คันมหึมาความยาวร่วม 6 เมตรรุ่น “เอเลนอร์” ที่เป็นระบบอัตโนมัติเต็มรูป มีโซฟาทดแทนที่นั่งตามปกติ ไม่มีพวงมาลัย, รถ “มินิ” แห่งอนาคตที่เป็นรถยนต์กึ่งโปร่งใส สำหรับเป็นรถยนต์ที่ใช้งานร่วมกัน โดยไม่จำเป็นต้องซื้อหาเป็นเจ้าของ แต่สามารถเรียกรถผ่านแอพพลิเคชั่นไปยังจุดใดจุดหนึ่งก็ได้ คอนเซ็ปต์มินิจะเดินทางไปรับโดยอัตโนมัติ พร้อมสำหรับการใช้งานในทันที
แต่ที่ต้องถือเป็นแนวความคิดที่กล้าหาญที่สุดของบีเอ็มดับเบิลยูที่เผยแพร่ออกมาในคราวเดียวกันนี้คือรถจักรยานยนต์แห่งอนาคต ซึ่งทางบีเอ็มดับเบิลยูยืนยันว่าจะก้าวหน้ามากเสียจนผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องสวมหมวกกันน็อกและอุปกรณ์ป้องกันอื่นๆ อีกต่อไป ด้วยเหตุผลที่ว่า จักรยานยนต์คันนี้จะติดตั้งเทคโนโลยีปรับสมดุลตัวเองอัตโนมัติ ซึ่งทำให้สามารถอยู่ในสภาพตั้งตรงตลอดเวลาไม่ว่าในขณะขับขี่หรือจอดอยู่นิ่งๆ
“ผลที่ได้คือผู้ขับขี่ไม่ว่าจะมีทักษะในการขับขี่ระดับใด สามารถสนุกและมีเสรีภาพในการขับขี่ได้อย่างเต็มที่” บีเอ็มดับเบิลยูระบุ
ตามแนวคิดของบีเอ็มดับเบิลยู ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องมองแผงหน้าปัด ซึ่งจะไม่มีอีกต่อไป แต่ต้องสวม “ไวเซอร์” คาดทับใบหน้าแทน ซึ่งนอกจากจะทำหน้าที่กันลมปะทะตวงตาแล้ว ยังทำหน้าที่เป็น “สมาร์ท ดิสเพลย์” จอแสดงผลอัจฉริยะพร้อมกับการทำหน้าที่เป็นเซ็นเซอร์ตรวจสอบสภาพแวดล้อมไปในตัว นอกจากนั้นไวเซอร์ จะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดระหว่างผู้ขับขี่กับตัวรถจักรยานยนต์ โดยข้อมูลที่จำเป็นซึ่งผู้ขับขี่ต้องรับทราบจะแสดงผลให้เห็นด้านหน้าตรงกับแนวดวงตาในทันทีตามเวลาจริง
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องแสดงผลออกมาตลอดเวลา เรื่องจากผู้ขับขี่สามารถปล่อยการควบคุมให้อยู่กับระบบขับขี่อัตโนมัติของตัวรถได้ในทุกเวลาที่ต้องการ เนื่องจากระบบขับอัตโนมัติเป็นเทคโนโลยีที่ติดตั้งมาพร้อมรถจักรยานยนต์นั่นเอง
รถในแนวความคิดของบีเอ็มดับเบิลยูทุกคันถูกกำหนดให้มีผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาเป็นศูนย์ทั้งหมด
โดยเครื่องยนต์ที่ใช้ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าทั้งหมดเนื่องจากทางบริษัทเชื่อว่าพลังงานไฟฟ้าจะเป็นพลังงานหลักในการคมนาคมขนส่งแห่งอนาคตนั่นเอง
