“เด็กน้อย”ในภาพกราบพระบาท ปัจจุบันเป็นผอ.สำนักงานคุ้มครองสิทธิฯ เปิดใจ”มงคลสูงสุดชีวิต”

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เผยแพร่เอกสารข่าว พร้อมภาพถ่ายของเด็กน้อยที่กำลังก้มกราบพระบาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่มีการเผยแพร่อยู่ในโลกออนไลน์ในขณะนี้ โดยเอกสารข่าวระบุว่า หลายคนอาจเคยเห็นภาพในโลกออนไลน์ ภาพของเด็กน้อยคนหนึ่งก้มลงกราบพระบาท ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่มีการแชร์ส่งต่อกันอย่างมากมายจนทุกคนสงสัยว่าเด็กน้อยในวันนั้นเป็นใคร

กราบ2

เอกสารข่าว ระบุว่า เด็กน้อยผู้ก้มกราบพระบาทในวันนั้น คือ นายพยุงศักดิ์ กาฬมิค ข้าราชการใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ภาค 4 จ.สงขลา สังกัดหน่วยงานกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เป็นบุคลากรที่กรมคุ้มครองสิทธิฯภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง

นายพยุงศักดิ์ กล่าวถึงความปลื้มปิติใจในครั้งนั้นว่า เกิดในครอบครัวทหาร ตอนเด็กพักอาศัยอยู่ในค่ายอิงคยุทธบริหาร อยู่ตรงข้ามกับสนามบินบ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และเป็นสถานที่เฝ้ารอรับเสด็จในวันนั้น คุณแม่จะพาไปรับเสด็จทุกครั้งที่มีโอกาส การถวายความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์เป็นสิ่งที่ครอบครัวของทหารให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง วันรุ่งขึ้นหลังจากการรับเสด็จหนังสือพิมพ์ไทยรัฐได้ลงข่าวพร้อมภาพถ่ายนี้ แม่ได้ตัดภาพดังกล่าวใส่กรอบเก็บไว้บูชาเพื่อความเป็นศิริมงคลแก่ครอบครัว ต่อมาปี 2549 มีการแชร์ภาพถ่ายทางอินเตอร์เน็ต และหนังสือพิมพ์ข่าวสดได้ลงภาพก้มกราบพระบาทอีกครั้ง รวมทั้งมีการตามหาบุคคลในภาพ

Advertisement

นายพยุงศักดิ์ กล่าวต่อว่า จ.ปัตตานี และนายจตุรงค์ ปัญญาดิลก ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น ได้ประสานมาเพื่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับภาพถ่ายดังกล่าว จึงทำให้มีโอกาสเข้าร่วมงานนิทรรศการเฉลิมฉลอง 60 ปีครองราชย์ของในหลวง

“การได้ก้มกราบพระบาทในหลวงในครั้งนั้น ถือได้ว่าเป็นมงคลสูงสุดต่อตนเองและครอบครัว และเมื่อทุกครั้งที่เห็นภาพนี้เสมือนเป็นการสัญญากับพระองค์ท่านว่าข้าพเจ้าจะถวายความจงรักภักดี และจะทำความดีถวายพระองค์ตลอดไป”นายพยุงศักดิ์ กล่าว

นายพยุงศักดิ์ กล่าวด้วยว่า การปฏิบัติหน้าที่ราชการในวันนี้เพื่อสนองเบื้องพระยุคลบาทอย่างไรนั้น ปัจจุบันปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานคุ้มครองสิทธิฯ ภาค 4 กรมคุ้มครองสิทธิฯ ถือเป็นความโชคดีของตน เพราะงานที่ทำอยู่เป็นการช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงความเป็นธรรมตามสิทธิอันพึงมีพึงได้ของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมสิทธิของประชาชน การเยียวยาผู้ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรม การคุ้มครองพยานในคดีอาญา และการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย ในการทำงานราชการนั้น ถือว่าความรับผิดชอบต่อหน้าที่คือความรับผิดชอบต่อประชาชน ต่อหน่วยงาน ต่อผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา เป็นหลักของการปฏิบัติงาน จะส่งผลให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงต่อสังคมส่วนรวมและประเทศชาติ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image