แม่ทัพภาค4รุดเยี่ยมผู้บาดเจ็บ เด็ก7ขวบถูกตัดลำไส้ ผู้หญิงถูกตัดขา-ตาอาจมองไม่เห็น

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 25 ตุลาคม พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย นายวีรนันท์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เดินทางตรวจเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุลอบวางระเบิดร้านก๋วยเตี๋ยวนายเบิ้มนครปฐม บริเวณตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 22 ราย เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยเข้าเยี่ยมที่ รพ.ปัตตานี มีผู้ได้รับบาดเจ็บรักษาตัวจำนวน 11 คน พล.ท.ปิยวัฒน์ ได้มอบเงินช่วยเหลือ ถุงพระราชทานและกระเช้าเยี่ยม ทั้งนี้ มีประชาชนได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสรักษาตัวในห้องไอซียู 2 คน คือ ด.ช.พรหมพิริยะ พรหมนุกูล อายุ 7 ปี สะเก็ดระเบิดทะลุตัดลำไส้ แพทย์ต้องตัดลำไส้ทิ้งไปเกือบ 60 เซนติเมตร ส่วนอีกราย นางมโนชา ไม่ทราบนามสกุล ถูกสะเก็ดระเบิดทำให้ดวงตาทั้งสองข้างได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้น ยังไม่แน่ใจว่า นางมโนชาจะกลับมามอบเห็นได้เหมือนเดิมหรือไม่ นอกจากนี้ยังถูกตัดขาขวาทิ้ง เนื่องจากถูกสะเก็ดระเบิดทำให้ขาและกระดูกบาดแผลฉกรรจ์ไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้ แพทย์และพยาบาลต้องเฝ้าดูแลอาการอย่างใกล้ชิด ทั้งสองรู้สึกตัวดีและจิตใจเข้มแข็ง โดยมีญาติพี่้น้องเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 9 รายปลอดภัยแล้ว

จากนั้น แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วยนายวีรนันท์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พ.ต.อ.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี รักษาการ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี นายพิทักษ์ ก่อเกียรพิทักษ์ นายกเทศมนตรี เมืองปัตตานี ร่วม ผกก.สภ.เมืองปัตตานี ผบ.ฉก.ปัตตานี 23 เดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุบริเวณตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี โดยมีการสรุปและประเมินเหตุการณ์ที่เกิดเหตุ เตรียมให้มีการปรับแผนแนวทางป้องกันให้เข้มมากยิ่งขึ้น พร้อมพบปะสอบถามประชาชนในพื้นที่เพื่อให้กำลังใจ

27

ด้านนางวลี เขียวเข้ม มารดา นางมโนชา พงษ์เสาร์ อายุ 29 ปี เหยื่อระเบิด กล่าวว่า หมอได้ทำการผ่าตัดเอาสะเก็ดระเบิดตามร่างกายของน้องมโนชาออกแล้ว แต่ที่หนักคือดวงตาข้างขวาเสียหาย หมอต้องควักเอาดวงตาออก ส่วนตาข้างซ้ายอาจจะบอด รู้สึกเสียใจและสงสารลูกสาวมาก เพราะยังมีลูกต้องเลี้ยงดูอีก 3 คน

Advertisement

ส่วนสามีได้เลิกรากันไปนาน ภาระทุกสิ่งทุกอย่างจึงตกเป็นของน้องมโนชา ซึ่งเป็นเสาหลักหาเลี้ยงครอบครัวรวมแล้ว 5 คน

พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด สามารถบันทึกใบหน้าและพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุได้อย่างชัดเจน พบว่า เป็นกลุ่มเดียวกับที่ก่อเหตุลอบวางระเบิดหน้ามัสยิดกลางจังหวัดปัตตานีเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา ไม่เชื่อว่า การก่อเหตุในครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับการครบรอบเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่หน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส และไม่ใช่การตอบโต้แผนการเจรจาสันติสุข ระหว่างรัฐบาลไทย และกลุ่มมาราปาตานี ในประเทศมาเลเซีย เพราะตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา เมื่อมีโอกาสผู้ก่อเหตุก็จะเข้ามาสร้างสถานการณ์อยู่เสมอ พร้อมเรียกร้องให้กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนออกมาประณามการกระทำและยุติการสร้างเงื่อนไขเพื่อยับยั้งการเข้าปฏิบัติการตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ต่อผู้กระทำผิด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image