นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตอีกประมาณ 10-20 ปีข้างหน้า นวัตกรรมจะมีบทบาทในก่อสร้างบ้านมากขึ้น โดยเฉพาะการก่อสร้างบ้านโดยใช้ระบบชิ้นส่วนสำเร็จรูป (โมดูลาร์) ที่มีวัสดุก่อสร้างมีคุณภาพสูง มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน โครงสร้างแข็งแรง ใช้ระยะเวลาสร้างน้อยและสะดวกในการเคลื่อนย้าย ในปัจจุบันพบการสร้างบ้านด้วยระบบโมดูลาร์ในไทยบ้างแต่ไม่มากนักเนื่องจากมีค่าก่อสร้างที่ค่อนข้างสูง หรือเฉลี่ยมีราคาไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
นายขจรศิษฐ์กล่าวว่า สำหรับโครงการสำคัญในไตรมาส 4 นี้บริษัทจะร่วมมือกับบริษัท เซกิซุย เคมิคอล จำกัด บริษัทสร้างบ้านอันดับ 1 จากญี่ปุ่น หรือบริษัทที่ผลิตชิ้นส่วนของบ้านระบบโมดูลาร์ให้กับบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด หรือเอสซีจี โดยพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ “ไซมิส ไฮม์” ซึ่งเป็นความร่วมมือการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในไทยเป็นครั้งแรก บนพื้นที่ 26 ไร่ บนถนนรามอินทรา ซึ่งเป็นเฟส 2 ของโครงการไซมิส บลอสซ่ำ แอต แฟชั่น ประกอบด้วยทาวเฮ้าส์และบ้านเดี่ยวรวม 107 ยูนิต มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 155-180 ตร.ม. ในราคาเริ่มต้น 5 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างบ้านตัวอย่างและเปิดขายได้ภายในเดือนมกราคม 2560 ทั้งนี้คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จภายในเดือนเมษายน 2559 และปิดการขายทั้งหมดได้ภายในเดือนธันวาคม 2560 หากโครงการนี้ประสบความสำเร็จ ก็อาจจะมีการตั้งบริษัทร่วมทุนและพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ร่วมกันในอนาคต
นายขจรศิษฐ์กล่าวว่า สำหรับรายได้ของไซมิสในปี 2559 มีรายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท มียอดรับรู้รายได้ (แบ็คล็อก) 5,000 ล้านบาท และคาดว่าภายในปี 2562 จะมีรายได้ประมาณ 10,000 ล้านบาท จากการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในศูนย์กลางธุรกิจ (ซีบีดี) แนวรถไฟฟ้ารวมถึงการให้ความสำคัญกับนวัตกรรมการสร้างบ้าน โดยเฉพาะระบบโมดูลาร์
