ข่าวหน้า 1 ยูเอ็นเทิดพระเกียรติ สมัชชาจัดประชุมพิเศษ ประธานสดุดี ‘ในหลวง’

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระราชปฏิสันถารกับสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ระหว่างทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัณรสมวารครบ 15 วัน พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม

สมัชชาจัดประชุมพิเศษ ประธานสดุดี “ในหลวง” พระบรมฯ-พระเทพฯเสด็จฯบำเพ็ญกุศลปัณรสมวาร รับสั่งแจกหนังสือที่ระลึก ครบหมื่นวันครองราชย์

พระบรมฯเสด็จฯพิธีปัณรสมวาร

เมื่อเวลา 17.17 น. วันที่ 27 ตุลาคม สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ถึงพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิง อุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัณรสมวารพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช โดยมีพระบรมวงศานุวงศ์ คณะองคมนตรี คณะรัฐมนตรี คณะตุลาการ คณะสมาชิกสภานิติบัญญัติ และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เฝ้าฯรับเสด็จ

Advertisement

จากนั้นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงวางพวงมาลาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพวงมาลาส่วนพระองค์ แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยและเครื่องราชสักการะ กราบถวายบังคมพระบรมศพ ชาวพนักงานประโคมมโหระทึก สังข์ แตรฝรั่ง แตรงอน ปี่ กลองชนะ ปี่พาทย์ ทหารกองเกียรติยศพระบรมศพถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปที่หน้าพระแท่นมหาเศวตฉัตร พระสงฆ์ 30 รูปสวดพระพุทธมนต์ จบ ถวายอนุโมทนา เจ้าพนักงานนิมนต์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหารถวายพระธรรมเทศนาและสวดธรรมคาถาขึ้นนั่งยังอาสนะ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม สมเด็จพระราชาคณะถวายศีล ต่อมาสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหารถวายพระธรรมเทศนาและพระ 4 รูปสวดธรรมคาถา จากนั้นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์ และทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา เสด็จพระราชดำเนินไปทรงจุดธูปเทียนที่เตียงพระสวดพระอภิธรรม เสด็จพระราชดำเนินกลับ

โปรดเกล้าฯจัดพิมพ์หนังสือ

จากนั้น เวลา 19.30 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มีพระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร และวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร สวดพระอภิธรรม

อนึ่ง ในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัณรสมวารพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สำนักราชเลขาธิการจัดพิมพ์หนังสือ “การประดิษฐานพระบรมโกศ”, หนังสือ “พระเจ้าอยู่หัวแห่งประเทศไทยทรงครองราชย์ครบหมื่นวัน (ทศพิธราชธรรม ภาษาไทย-อังกฤษ-ฝรั่งเศส)” และภาพพระบรมโกศ พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ขนาดโปสการ์ด พระราชทานแก่ผู้เข้าร่วมพระราชพิธี เพื่อเป็นอนุสรณ์วิทยาทาน

ผู้แทนพระองค์บำเพ็ญพระราชกุศล

ก่อนหน้านี้ เวลา 06.53 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ ม.ร.ว.จักรรถ จิตรพงศ์ เป็นผู้แทนพระองค์บำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง และถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร และวัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร ที่สวดพระอภิธรรมมาตั้งแต่ค่ำวันที่ 26 ตุลาคม ต่อมา เวลา 11.00 น. ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล เป็นประธานถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรมจากวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และวัดอนงคารามวรวิหาร

พระองค์ภาทรงบำเพ็ญพระกุศล

ต่อจากนั้น เวลา 12.15 น. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยหน้าพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงกราบ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารเป็นพระพุทธรูปประทับยืนแบบสมภังค์ แสดงปางห้ามญาติหรืออภัยมุทราด้วยพระหัตถ์ขวาเพียงข้างเดียว ที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร พระพิธีธรรม 8 รูปจากวัดบวรนิเวศราชวรวิหารและวัดอนงคารามวรวิหาร สวดพระอภิธรรม จบแล้ว เสด็จกลับ ต่อมาเวลา 15.00 น. ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงบำเพ็ญพระกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชในช่วงบ่าย

ทูลกระหม่อมหญิงประทานอาหาร

เมื่อเวลา 19.00 น. ที่บริเวณพระบรมมหาราชวัง ฝั่งตรงข้ามประตูเทวาพิทักษ์ อยู่ทางด้านทิศตะวันออกของพระบรมมหาราชวัง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จมาจากประตูเทวาพิทักษ์ เพื่อมาประทานอาหารและน้ำดื่มให้กับประชาชน แบ่งออกเป็น ข้าวเหนียวไก่ทอด-หมูทอด 500 ชุด, บะหมี่หมูแดง 500 ชุด, ผัดไทย 500 ชุด, โดนัท 1,000 ชุด และขนมต่างๆ 500 ชุด พร้อมกับพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยใช้เวลาในการประทานอาหารกว่า 30 นาที ทั้งนี้ มีประชาชนมารอรับอาหารและน้ำดื่มจำนวนมาก

ทั้งนี้ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ตรัสว่า “อยากให้ทุกคนมีความสุข ชีวิตต้องเดินต่อไปข้างหน้า” หลังจากตรัสเสร็จแล้ว ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ก็ได้เดินกลับเข้าไปในพระบรมมหาราชวัง โดยประตูเทวาพิทักษ์ ท่ามกลางประชาชนที่เฝ้ารอรับส่งเสด็จ ซึ่งระหว่างทางประชาชนต่างเปล่งเสียงว่า “ทรงพระเจริญ” ตลอดสองข้างทาง

พระราชทานอาหารพสกนิกร

ที่เต็นท์หน่วยทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณท้องสนามหลวงฝั่งทิศใต้ ฝั่งตรงข้ามประตูมณีนพรัตน์ พระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จัดซื้ออาหาร ผลไม้ ขนมหวาน น้ำดื่ม ให้ข้าราชบริพารในกองงานส่วนพระองค์ และหน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์นำมาแจกจ่ายประชาชนที่เดินทางมาลงนามแสดงความอาลัยและสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์บนศาลาสหทัยสมาคม สำหรับเมนูอาหารพระราชทานแจกจ่ายประชาชนวันที่ 27 ตุลาคม ประกอบด้วย มื้อเช้า โจ๊กหมูสับตับหมูและนมหนองโพ มื้อกลางวัน ข้าวมันไก่และเย็นตาโฟ น้ำดื่ม และน้ำสมุนไพร ขณะที่ช่วงบ่ายมีของว่าง ได้แก่ ขนมไทย เค้กกล้วยหอม แซนด์วิช และน้ำสมุนไพร ส่วนมื้อเย็น ข้าวผัดเผ็ดหมูป่า ข้าวไก่ทอด หมูทอดกระเทียม และน้ำดื่ม

ทรงมีรับสั่งให้แยกขยะ

เจ้าหน้าที่ในกองงานฯ เปิดเผยว่า ในวันที่ 29 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะพระบรมศพ ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวังเป็นวันแรก คาดว่าจะมีประชาชนเป็นจำนวนมาก จึงได้เพิ่มปริมาณอาหารให้มากขึ้นเพื่อให้เพียงพอกับประชาชน โดยเพิ่มในส่วนของอาหารมื้อกลางวันและมื้อเย็น รอบละ 5-6 พันชุด ส่วนน้ำดื่มไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากได้เตรียมไว้อย่างเพียงพอ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มีรับสั่งว่าประชาชนเหมือนแขกของพระองค์ ให้ดูแลประชาชนอย่างดี เต็มที่ทุกอย่าง นอกจากนี้ยังมีรับสั่งให้เจ้าหน้าที่ในกองงานฯ แยกขยะให้เป็นระเบียบ พยายามใช้บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายง่าย ซึ่งปกติทางกองงานฯ ได้มีการรณรงค์ให้มีการใช้บรรจุภัณฑ์จากชานอ้อยอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีหน่วยแพทย์ให้การดูแลและรักษาสุขภาพประชาชนเช่นเดิม แต่อาจจะเพิ่มจำนวนแพทย์ให้มากขึ้น สำหรับเมนูอาหารในวันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม มื้อเช้า ข้าวเหนียวหมูปิ้งและขนม มื้อเที่ยง ข้าวเป็ดพะโล้ ก๋วยเตี๋ยวหมี่ปลา มื้อเย็น ผัดไทยศิริวรรณและผัดไทยลาดพร้าว ทั้งนี้ เมนูที่นำมาบริการให้กับประชาชนยังได้คำนึงถึงพสกนิกรที่เป็นชาวมุสลิมด้วย

บำเพ็ญกุศลปัณรสมวารทั่วปท.

ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 07.19 น. บริเวณลานจอดรถหน้าอาคารรัฐสภา 2 สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จัดพิธีบำเพ็ญกุศลปัณรสมวาร 15 วัน ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 89 รูป น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช โดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะประธานในพิธี พร้อมกับยืนแสดงความอาลัยเป็นเวลา 89 วินาที ก่อนร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี นำโดยวงดุริยางค์จากกองดุริยางค์ทหารเรือ

ที่โถงกลางชั้น 2 ศาลฎีกา อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นายวีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฎีกา เป็นประธานนำคณะรองประธานศาลฎีกา ประธานแผนกคดีในศาลฎีกา พร้อมคณะผู้พิพากษาศาลฎีกาและข้าราชการศาลยุติธรรมในศาลฎีกา ร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสบำเพ็ญพระราชกุศลปัณรสมวาร (15 วัน) ทั้งนี้ ศาลทุกแห่งจัดพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลปัณรสมวารครบ 15 วัน พร้อมกันทั่วประเทศ

พท.ร่วมพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล

ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรพระภิกษุสงฆ์ 10 รูป เนื่องในการบำเพ็ญพระราชกุศลปัณรสมวาร (15 วัน)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรดาอดีตรัฐมนตรี อดีต ส.ส. และสมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) อาทิ นายวราเทพ รัตนากร อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.อนุตตมา อมรวิวัฒน์ รักษาการรองเลขาธิการพรรค นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรค ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช อดีต ส.ส.ขอนแก่น น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล อดีต ส.ส.กทม. น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ อดีต ส.ส.กทม. นายสุรชาติ เทียนทอง อดีต ส.ส.กทม. เป็นต้น ร่วมสวดบำเพ็ญพระราชกุศลปัณรสมวาร (15 วัน) ที่พระบรมมหาราชวัง

แจงคืบหน้าสร้างพระเมรุมาศ

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการเตรียมการและดำเนินงานเกี่ยวกับพระราชพิธีพระบรมศพว่า หลังจากนี้จะมีการประชุมสรุปความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยจะทำทุกอย่างตามขั้นตอน ทั้งนี้ การดำเนินการจัดสร้างพระเมรุมาศและสิ่งก่อสร้างประกอบจะต้องใช้เวลามาก แต่คาดว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการไม่ถึง 1 ปี และจะให้ภาคส่วนรวมทั้งประชาชนได้มีส่วนร่วม ส่วนราชรถ ราชยานที่ใช้ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพนั้นจะต้องมีการปรับปรุง แม้ขณะนี้ยังอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน แต่จะต้องมีการปรับปรุงเพียงเล็กน้อยเพื่อความเหมาะสม และเมื่อใช้เสร็จแล้วก็จะเก็บเข้าพิพิธภัณฑ์

รบ.ไม่ห้ามออกเสียงพระนาม

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวถึงการออกเสียงพระนามพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชว่า แล้วแต่ใครจะอ่านอย่างไร แต่กรมประชาสัมพันธ์และหน่วยงานราชการ อ่านว่า พระ-บาด-สม-เด็ด-พระ-ปะ-ระ-มิน-ทะ-ระ-มะหา-ภู-มิ-พน-อะ-ดุน-ยะ-เดช ส่วนที่ราชบัณฑิตอ่านออกเสียงคนละแบบนั้นก็มีหลายอย่างตามประเพณีนิยม ทั้งนี้ ไม่มีข้อถกเถียงอะไร ใครอยากจะอ่านอย่างไรก็สุดแล้วแต่ คงไม่ต้องขอความร่วมมือสื่อมวลชนแต่ละสำนักจะต้องอ่านแบบเดียวกัน จะอ่านอย่างไรก็คงไม่เป็นอะไร เพราะทุกคนมีหัวใจดวงเดียวกัน

พล.ท.สรรเสริญกล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่งเพลง “ความหวังความศรัทธา” ว่า ขอยังไม่อธิบายในเรื่องนี้ ยังไม่ถึงช่วงเวลาที่จะอธิบายเรื่องเพลง เพราะเป็นช่วงที่ประชาชนกำลังแสดงความไว้อาลัย เพลงนี้นายกรัฐมนตรีได้ประพันธ์มาก่อนหน้านี้กว่า 2 เดือนแล้ว

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงขั้นตอนการสืบราชสันตติวงศ์ว่า ขณะนี้ไม่มีสัญญาณใดๆ และเมื่อรัฐบาลไม่ทราบก็จะไม่พูดอะไรออกไป ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ทราบว่าจะมีขึ้นเมื่อใด แต่ที่มีการพูดกันไปนั้นเรียกว่าเป็นการพูดกันไปเอง ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล

ยูเอ็นประชุมสดุดี-ถวายพระเกียรติ

นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ในวันที่ 28 ตุลาคม เวลา 10.00 น. ตามเวลาในสหรัฐ หรือ 21.00 น. ตามเวลาในไทย ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติจะมีการประชุมเพื่อสดุดีและถวายพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช โดยจะเปิดให้ผู้แทนประเทศต่างๆ ขึ้นกล่าวสดุดี การจัดประชุมเช่นนี้ถือเป็นโอกาสพิเศษที่มีขึ้นไม่บ่อยนัก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมพิเศษเพื่อถวายสดุดีดังกล่าวจะใช้เวลา 15 นาที โดยประธานสมัชชาสหประชาชาติจะเริ่มกล่าวสดุดีเป็นคนแรก ตามด้วยประธานของภูมิภาคต่างๆ 5 ภูมิภาค และ น.ส.ซาแมนธา พาวเวอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ โดยนายวีรชัยจะเป็นผู้กล่าวถวายสดุดีเป็นคนสุดท้าย ทั้งนี้ จะมีการถ่ายทอดสดการประชุมดังกล่าวให้รับชมผ่านเว็บคาสต์ของสหประชาชาติด้วย กระทรวงการต่างประเทศจึงขอเชิญติดตามการถ่ายทอดสดได้ทาง webcast ขององค์การสหประชาชาติ http://webtv.un.org/ ในวันและเวลาข้างต้น

ประชาชนเดินทางเข้าสักการะ

สำหรับบรรยากาศที่ศาลาสหทัยสมาคมในพระบรมมหาราชวัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนยังคงเดินทางเข้าสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และลงนามสมุดหลวงเพื่อแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้า โดยสำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนได้เข้าก่อนเวลาทำการในเวลา 07.20 น. ซึ่งแม้บรรยากาศจะร้อนอบอ้าวและมีสายฝนโปรยในช่วงบ่าย แต่ประชาชนยังคงเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเวลา 16.00 น. สำนักพระราชวังปิดการลงนามแสดงความอาลัย โดยมีประชาชนมาร่วมสักการะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทั้งสิ้น 36,445 คน และมีประชาชนทูลเกล้าฯ ถวายเงินสำหรับการพระราชกุศลพระบรมศพทั้งสิ้น 1,282,210 บาท ยอดเงินรวมตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม จนถึงวันที่ 27 ตุลาคม 2559 มีจำนวนทั้งสิ้น 9,934,259.25 บาท

หญิงวัย 81 ปีรู้สึกตื้นตันใจ

น.ส.จำปี ผ่องใส อายุ 81 ปี ชาว อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ กล่าวด้วยความตื้นตันว่า ตนเป็นคนที่ไม่รู้หนังสือ เป็นคนจนและชรามากแล้ว จึงไม่คิดฝันว่าจะมีโอกาสได้มาถวายสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเมื่อมีเพื่อนบ้านมาชวนจึงตัดสินใจมา โดยนั่งรถเมล์กันมาด้วยเงินติดตัวเพียง 50 บาทเท่านั้น แม้ว่าตนจะขาอ่อนแรง ทำให้เดินทางลำบาก แถมยังต้องขึ้นรถลงเรืออีก 2-3 ต่อ แต่ก็ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ไม่หิวข้าวและกระหายน้ำสักนิด เมื่อมาถึงพระบรมมหาราชวังและได้ถวายสักการะแล้ว รู้สึกตื้นตันใจอย่างมากที่ได้ทำตามความฝันสำเร็จ อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตได้มีโอกาสมาถวายสักการะและส่งเสด็จพระองค์ท่านสู่สวรรคาลัย

นางคำเภา แก้วสุรีย์ อายุ 64 ปี ชาว อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ กล่าวด้วยความตื้นตันว่า เมื่อทราบข่าวการสวรรคตของพระองค์ ก็ตั้งใจว่าจะมาถวายสักการะพระบรมศพของพระองค์สักครั้งหนึ่งในชีวิต จึงให้ลูกชายและลูกสะใภ้พามา โดยเดินทางมาด้วยรถประจำทางจาก จ.สุรินทร์ และมุ่งสู่พระบรมมหาราชวังโดยตรง ซึ่งเมื่อได้กราบสักการะก็รู้สึกปีติอย่างหาที่สุดมิได้ และรู้สึกเป็นบุญของชีวิต เพราะพระองค์เปรียบดั่งพระพุทธเจ้าที่มีชีวิต ที่ทรงเมตตาต่อไพร่ฟ้าและประชาชน ทรงดับความทุกข์ยากของราษฎรให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

สนามหลวงฝนตก-คนหลั่งไหล

สำหรับบรรยากาศบริเวณหน้าพระบรมมหาราชวังและท้องสนามหลวงนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้ามีประชาชนทยอยมาสักการะพระบรมศพเป็นจำนวนมาก และแม้ระหว่างวันจะมีฝนตกหนัก แต่ประชาชนก็ไม่ได้ท้อถอย ขณะเดียวกันยังมีกลุ่มคนจิตอาสาที่มาแจกของและคอยให้ความช่วยเหลือเป็นจำนวนมากเช่นกัน โดยในส่วนดารา-นักแสดงนั้นมีทั้ง บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ที่มาเป็นล่ามให้ตำรวจท่องเที่ยว ขณะที่นักแสดงช่อง 7 อาทิ ส้ม-ธัญสินี พรมสุทธิ์, แพรวา-แพรอิศรา ปูคะวนัช นำพัดสีดำมาแจก, บ่าววี หรือพันจ่าอากาศเอกวีรยุทธิ์ นานช้า ก็นำน้ำดื่มและมะม่วงน้ำปลาหวานมาแจก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายแม้จะมีฝนตกหนัก แต่พสกนิกรยังทยอยมาสักการะพระบรมศพจำนวนมาก ทั้งนี้ ยังมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนนำร่ม เสื้อกันฝน อาหาร และเครื่องดื่มมาแจกจ่ายประชาชนอย่างไม่ขาดสาย อาทิ น้ำดื่ม กาแฟ ขนม ไอศกรีม ข้าวหมกไก่ ก๋วยเตี๋ยว ขนมมาการอง จำนวน 30,000 ชิ้น มาแจกจ่ายบริเวณฝั่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมีหน่วยแพทย์บริการจนถึงเวลา 21.00 น.ทุกวัน

“บิ๊กป้อม” พร้อมรับปชช.ร่วมสักการะ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ถึงมาตรการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศในวันที่ 29 ตุลาคมว่า ขณะนี้ได้เตรียมการทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว เท่าที่ประเมินทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนการป้องกันมิจฉาชีพหรือกลุ่มผู้ไม่หวังดี เจ้าหน้าที่ได้ตั้งจุดคัดกรองทั้งหมด 6 จุดในบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง มีการตรวจเข้ม ส่วนบางคนที่เป็นห่วงว่าวันที่ 29-31 ตุลาคมนี้ประชาชนจะหลั่งไหลมาถวายสักการะพระบรมศพจำนวนมากนั้น เจ้าหน้าที่ได้มีการเตรียมพร้อมรับมือ ทั้งเรื่องจราจร การอำนวยความสะดวกด้านการแพทย์ และการบริหารจัดการประชาชนในการเดินทางมาด้วย โดยเฉพาะในต่างจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดจะเฉลี่ยและทยอยกันเข้ามา โดยทางปลัดกระทรวงมหาดไทยได้ประสานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งรัฐบาลประเมินว่าในช่วงวันที่ 29-31 ตุลาคม น่าจะสามารถรองรับประชาชนที่เข้ามาได้ประมาณวันละ 10,000 คน ส่วนยอดรวมประชาชนที่เดินทางมาลงนามในช่วงที่ผ่านมาเฉลี่ยวันละประมาณ 30,000 คน

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมคณะ ประชุมกำชับเรื่องการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจร โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญในการดูแลรักษาความปลอดภัยและอำนวยการจราจร ทางตำรวจนครบาลและใกล้เคียง 3,000 นายต่อวัน เพื่อดูแลประชาชนพร้อมจุดคัดกรอง 8 จุด เครื่องสแกน 3-4 ตัวต่อจุด เพื่อดูแลประชาชนอย่างดี

เตรียมปิดถนน 27 สายรองรับ

พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บังคับการตำรวจจราจร (ผบก.จร.) เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมด้านการจราจรรอบพระบรมมหาราชวังและถนนต่อเนื่องในวันที่ 29 ตุลาคม ที่จะเปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพว่า ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) วางแผนจัดการจราจรเต็มรูปแบบรอบพระบรมมหาราชวังและถนนต่อเนื่อง จะปิดการจราจรเต็มรูปแบบรอบพระบรมมหาราชวังในวันที่ 29 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ จึงคาดการณ์ว่าประชาชนจะเดินทางมาเป็นจำนวนมาก โดยตั้งแต่เวลา 07.00 น. เป็นต้นไปจะปิดถนนทั้งหมด 27 สาย ประกอบด้วย 1.ถนนหน้าพระลานตลอดสาย 2.ถนนหน้าพระธาตุตลอดสาย 3.ถนนราชดำเนินในจากแยกผ่านพิภพฯ-แยกป้อมเผด็จฯ 4.ถนนสนามไชย จากแยกป้อมเผด็จฯ-หน้า สน.พระราชวัง 5.ถนนหับเผย 6.ถนนหลักเมือง 7.ถนนกัลยาณไมตรี-สะพานช้างโรงสี 8.ซอยสราญรมย์ 9.ถนนพระจันทร์ 10.ถนนมหาราช 11.ถนนท้ายวังตลอดสาย 12.ถนนเชตุพน 13.ถนนเศรษฐการ 14.ถนนเจริญกรุงจากวงเวียน รด.-แยกสะพานมอญ 15.ถนนพระพิพิธ

16.ถนนราชดำเนินนอก จากแยก จปร.-แยกผ่านฟ้า 17.ถนนนครสวรรค์ จากแยกจักรพรรดิพงษ์ แยกผ่านฟ้า 18.ถนนหลานหลวง จากแยกหลานหลวง-แยกผ่านฟ้า 19.ถนนราชดำเนินกลาง 20.ถนนพระสุเมรุ จากแยกวันชาติ-แยกป้อมมหากาฬ 21.ถนนมหาไชย จากแยกสำราญราษฎร์-แยกป้อมมหากาฬ 22.ถนนดินสอ จากแยกวันชาติ-อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 23.ถนนดินสอ จากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แยกมหรรณพ 24.ถนนตะนาว จากแยกตัดถนนข้าวสาร แยกคอกวัว 25.ถนนจักรพงษ์ จากแยกศาลเจ้าพ่อเสือ แยกคอกวัว 26.ถนนจักรพงษ์ จากแยกตัดถนนข้าวสาร-ถนนราชดำเนินกลาง และ 27.ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า จากแยกอรุณอมรินทร์ แยกผ่านพิภพ

สรุปยอดลงนามแสดงอาลัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงมหาดไทยสรุปยอดการดำเนินการจัดกิจกรรมลงนามแสดงความอาลัยและการจัดกิจกรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล (ข้อมูล ณ วันที่ 27 ตุลาคม เวลา 10.10 น.) ดังนี้ 1.ประชาชนลงนามแสดงความอาลัย ณ วันที่ 26 ตุลาคม มีจำนวนทั้งสิ้น 270,649 ราย โดยมียอดสะสมการลงนามแสดงความอาลัยตั้งแต่วันที่ 14-26 ตุลาคม จำนวนทั้งสิ้น 3,738,305 ราย 2.กิจกรรมเพื่อน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช (ณ วันที่ 26 ตุลาคม) ได้แก่ กิจกรรมสวดพระอภิธรรม มีผู้เข้าร่วมจำนวน 319,148 คน โดยยอดสะสมผู้เข้าร่วมกิจกรรมสวดพระอภิธรรม ตั้งแต่วันที่ 14-25 ตุลาคม จำนวนทั้งสิ้น 5,436,535 คน กิจกรรมทำบุญตักบาตร มีผู้เข้าร่วมจำนวน 49,057 คน โดยยอดสะสมผู้เข้าร่วมกิจกรรมทำบุญตักบาตรตั้งแต่วันที่ 14-25 ตุลาคม มีจำนวนทั้งสิ้น 2,154,894 คน และกิจกรรมอื่นๆ จำนวน 56,915 คน โดยมียอดสะสมผู้เข้าร่วมกิจกรรมอื่นๆ ตั้งแต่วันที่ 14-25 ตุลาคม จำนวนทั้งสิ้น 936,940 คน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image