โลจิสติกส์ไทยปี59ขยายตัวจากอีคอมเมิร์ซ คาด’อีอีซี’มาแรงดันคลังสินค้าเติบโตมากที่สุด

นายมาร์คัส เบอร์เทนชอว์ กรรมการบริหารและผู้อำนวยการฝ่ายตัวแทนนายหน้า บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดโลจิสติกส์ปี 2559 ในด้านความต้องการด้านพื้นที่คลังสินค้ายังเติบโต เนื่องจากอีคอมเมิร์ซเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในภาคการค้าปลีกในประเทศไทย โดยผลวิจัยของไนท์แฟรงค์พบว่า ช่วงครึ่งปีแรก ซัพพลายคลังสินค้ามีจำนวนรวมทั้งหมด 3,732,147 ตร.ม. เพิ่มขึ้นจากช่วงครึ่งปีหลังของปี 2558 ประมาณ 145,737 ตร.ม. ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากการเปิดตัวของโครงการขนาดใหญ่ในปี 2557 คาดว่าแนวโน้มตลาดหลังในไตรมาส 4/2559 และทิศทางโลจิสติกส์ในปี 2560 จะมีซัพพลายคลังสินค้าเพิ่มขึ้นประมาณ 300,000 ตร.ม. โดยในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยเฉพาะพื้นที่สุวรรณภูมิ-บางปะกงจะมีอัตราการครอบครองพื้นที่สินค้ามากที่สุดประมาณ 250,000 ตร.ม. ในขณะที่พื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี ที่อยู่ระหว่างพัฒนาจะมีอัตราเพิ่มขึ้นของคลังสินค้ามากที่สุด และพื้นที่ปทุมธานี-พระนครศรีอยุธยาจะมีอัตราเพิ่มขึ้นของคลังสินค้าน้อยที่สุด เนื่องจากเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และการเพิ่มขึ้นของคลังสินค้าในพื้นที่อื่นทำให้พื้นที่โซนนี้ลดลง

นายมาร์คัสกล่าวว่า สำหรับภาพรวมอัตราค่าเช่าคลังสินค้าในปี 2559 คาดว่าจะมีอัตราที่ใกล้เคียงกับผลสำรวจอัตราค่าเช่าในช่วงครึ่งปีแรก โดยเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 156.9 บาท/ตร.ม. โดยเขตที่มีการเติบโตสูงสุดคือเขตอีสต์เทิร์นซีบอร์ด มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นจากเดือนละ 148.9 บาท/ตร.ม. เป็นเดือนละ 149.6 บาท/ตร.ม. ในขณะที่กรุงเทพฯเป็นพื้นที่มีอัตราค่าเช่าคลังสินค้าแพงที่สุดประมาณเดือนละ 185 บาท/ตร.ม. รองลงมาเป็นเขตสมุทรปราการ ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ในอัตราค่าเช่าเดือนละ 180 บาท/ตร.ม. ในทางตรงกันข้าม จ.ขอนแก่นเป็นพื้นที่มีราคาค่าเช่าต่ำที่สุดอยู่ที่เดือนละ 110 บาท/ตร.ม. อย่างไรก็ตาม คลังสินค้าจะเป็นตัวกำหนดราคาค่าเช่าเช่นกัน นอกจากพื้นที่ตั้งแล้วยังขึ้นอยู่กับการออกแบบคลังสินค้า สภาพและอายุของอาคาร รวมถึงส่วนอำนวยความสะดวกอื่น อาทิ ท่าเทียบเรือ พื้นยก พื้นที่โหลดสินค้าที่รับน้ำหนัก

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image