นายวัลลภ มานะธัญญา อุปนายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และประธานกรรมการ บริษัท เจียเม้ง มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า วันที่ 8 พฤศจิกายนนี้ สมาคมจะเปิดรับสมัครและรวบรวมตัวเลขที่สมาชิกสมาคมฯ จะเข้าโครงการความร่วมมือรับซื้อข้าวหอมมะลิจากชาวนา โดยสมาคมจะช่วยเหลือค่าจัดเก็บ และค่าใช้จ่ายต่างๆ ตันละ 165 บาท ที่เก็บไว้เป็นสต็อกตั้งแต่ 15 ธันวาคม 2559 ถึง 15 มีนาคม 2560 และแต่ละรายไม่ต่ำกว่า 1,000 ตัน ราคารับซื้อจะเป็นไปตามกลไกตลาด ณ วันนี้ ประมาณกิโลกรัมละ 18-20 บาท(ข้าวสารหอมมะลิ 100%) ทั้งนี้ คาดว่ายอดรับซื้อจะเกินเป้าหมายที่กำหนดไว้ 2 แสนตัน หากเกินก็จะหารือกับกระทรวงพาณิชย์อีกครั้งเพื่อขยายโครงการ
นายวัลลภ กล่าวว่า สมาคมฯเห็นด้วยที่กระทรวงพาณิชย์มีแผนจะรณรงค์การบริโภคข้าวของคนไทยเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันบริโภคแค่ปีละ 64 กิโลกรัมต่อคน และการใช้ข้าวเป็นของขวัญมอบให้ระหว่างกันในปีนี้ บริษัทเองรับซื้อข้าวหอมมะลิ100% ในราคา 18-20 บาท /กก. ส่งออกไปขายต่างประเทศที่ตันละประมาณ 1,000 เหรียญสหรัฐฯ เพราะมีการปรับปรุงและบรรจุเป็นขนาดเล็ก 5 กก.ตามความต้องการตลาด
“ ส่วนการกำหนดราคารับซื้อทั่วไป ที่ถูกระบุว่าสมาคมฯไม่มีการกำหนดราคาแล้วนั้น ต้องยอมรับว่าปีก่อน ที่มีการซื้อข้าวหอมมะลิในราคาสูง แต่พอส่งออกจริงราคาตกต่ำ ทำให้หลายรายขาดทุน อาจเป็นเหตุให้ต้องรอบคอบในการกำหนดราคารับซื้อ เชื่อว่าสมาคมฯก็ยังมีการกำหนดราคาอ้างอิงปกติ แต่อาจไม่มีการปรับเปลี่ยนในช่วงนี้ “ นายวัลลภ กล่าว
แหล่งข่าวจากวงการค้าข้าว กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของราคาข้าวในวันที่ 2 พฤศจิกายน หลังมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบจำนำยุ้งฉาง ในราคาตันละ 11,000 บาท นั้น พบว่า ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างต่ำ เชื่อว่าตลาดกำลังรอดูสถานการณ์และราคาซื้อขายของผู้ส่งออกกับโรงสี จึงทำให้ขณะนี้ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิยังทรงตัวระดับตันละ 9,700-12,000 บาท (ความชื้นไม่เกิน 20% )
“คงต้องดูราคาซื้อขายจริง ซึ่งวันแรกของมติอาจค่อนข้างนิ่ง อีกทั้งราคารับซื้อที่ผู้ส่งออกเข้าโครงการรับซื้อข้าวสารหอมมะลิชนิด 100% จากชาวนาโดยตรง ระบุไว้ที่กิโลกรัมละ 18-20 บาท หากทอนคิดเป็นข้าวเปลือกจะอยู่ที่ตันละ 9,500-10,000 บาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายรัฐบาลที่รัฐต้องการพยุงราคาที่ตันละ 11,000 บาท “
