| ที่มา | มติชนรายวัน |
|---|---|
| เผยแพร่ |
นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า จากที่คณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค (คปภ.) ซึ่งมี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. เป็นประธาน ได้เร่งให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) จัดส่งรายชื่อคณะอนุกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (อกศจ.) ให้ คปภ.แต่งตั้ง โดยก่อนหน้านี้ยังขาดอยู่อีก 18 จังหวัดนั้น ขณะนี้ กศจ.ทั้ง 18 จังหวัด ได้เสนอรายชื่อ อกศจ.ทั้ง 18 จังหวัดให้รัฐมนตรีว่าการ ศธ.ลงนามแต่งตั้งแล้ว ได้แก่ กศจ.ตราด ชลบุรี ศรีสะเกษ สมุทรสงคราม พะเยา นครนายก นครสวรรค์ ฉะเชิงเทรา สระบุรี ระยอง กำแพงเพชร อุทัยธานี นนทบุรี นราธิวาส แม่ฮ่องสอน สุพรรณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และสตูล หลังจากนี้จะมีการเสนอที่ประชุม คปภ.รับทราบต่อไป
“อกศจ.จะต้องเร่งพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายผู้อำนวยการสถานศึกษา รองผู้อำนวยการศึกษาและครูให้แล้วเสร็จภายใน 11 พฤศจิกายนนี้” ปลัด ศธ.กล่าว และว่า ที่ผ่านมามีประเด็นร้องเรียนจาก กศจ.ว่าแต่ละจังหวัดมีการกำหนดวาระการประชุมที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ ดังนั้นสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) จะจัดทำแนวทางในการกำหนดวาระการประชุม กศจ.ที่เป็นแนวทางเดียวกันและจะมีการซักซ้อมความเข้าใจถึงบทบาทของ กศจ. ซึ่งจะทำให้ กศจ.ทำงานได้อย่างคล่องตัวขึ้น
ด้านนายณรงค์ แผ้วพลสง ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ(สพร.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กล่าวว่า กรณีที่คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) มอบหมายให้ สพฐ.จัดทำปฏิทินการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัด สพฐ. ประจำปี 2559 นั้น ขณะนี้ได้มีการกำหนดปฏิทินคร่าวๆ ดังนี้ ในวันที่ 11 พฤศจิกายนจะเสนอ นายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ลงนามประกาศการรับสมัครสอบคัดเลือก จากนั้น กศจ.แต่ละจังหวัดจะกำหนดวันรับสมัครของแต่ละจังหวัดเองซึ่งโดยปกติจะรับสมัครในสัปดาห์ถัดมา ส่วนการสอบภาค ก และภาค ข จะมีขึ้นประมาณต้นเดือนธันวาคมนี้ โดยอัตราว่างที่จะใช้สอบคัดเลือกผู้อำนวยการสถานศึกษานั้น ขณะนี้มีตำแหน่งว่างอยู่ประมาณ 5,000 อัตรา แต่ สพฐ.กำลังจะเสนอ คปภ.ว่าในโรงเรียนที่มีนักเรียนต่ำกว่า 40 คน ไม่ต้องมีการบรรจุผู้อำนวยการสถานศึกษาใหม่ หาก คปภ.เห็นชอบ ก็จะมีตำแหน่งว่างเหลือประมาณ 4,000 อัตรา ซึ่งจะต้องบรรจุให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 25 ธันวาคม
“ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดการสอบคัดเลือกผู้อำนวยการสถานศึกษา และการกำหนดเข้าสู่ตำแหน่งกรณีที่ผู้อำนวยการสถานศึกษาไม่ผ่านการประเมินตามตัวชี้วัดที่ สพฐ.กำหนด โดยในการประกาศรับสมัครการสอบคัดเลือกผู้อำนวยการสถานศึกษานั้น สพฐ.จะประกาศตัวชี้วัดเพื่อใช้ประเมินการปฏิบัติงานของผู้อำนวยการสถานศึกษาด้วย โดยจะแจ้งอย่างชัดเจนว่าหลังการปฏิบัติงาน 1 ปีจะมีการประเมินและหากไม่ผ่านการประเมิน จะถูกย้ายไปปฏิบัติงานในอัตราทดแทนที่กำหนดไว้ อาทิ กลับไปตำแหน่งเดิม อย่างผู้อำนวยการที่มาจากรองผู้อำนวยการสถานศึกษา ก็อาจจะกลับไปเป็นรองผู้อำนวยการสถานศึกษาตามเดิม แต่ได้รับเงินเดือนเท่าเดิม” นายณรงค์กล่าว และว่า สำหรับตัวชี้วัดที่ใช้ประเมินจะดูภารกิจที่ผู้อำนวยการสถานศึกษาต้องปฏิบัติงาน เช่น นโยบายของรัฐมนตรีว่าการ ศธ. นโยบายของ สพฐ.และของโรงเรียนที่จะครอบคลุม 4 ด้าน คือ งบประมาณ บุคลากร วิชาการ และการบริหารงานทั่วไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ไม่ผ่านการประเมินและต้องย้ายกลับไปตำแหน่งเดิม เช่น รองผู้อำนวยการสถานศึกษาจะเป็นการลดตำแหน่งหรือไม่ นายณรงค์กล่าวว่า ผู้ที่เข้ารับการสอบคัดเลือกจะต้องยอมรับสภาพ เพราะในประกาศการรับสมัครจะแจ้งเงื่อนไขแต่ต้นเลยว่า ถ้าไม่ผ่านการประเมินจะต้องถูกย้ายออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการ ศธ.ให้นโยบายว่าจะมีการประเมิน 2 ครั้ง หรือทุก 6 เดือน โดย 6 เดือนแรกจะแจ้งจุดอ่อนเพื่อให้มีการปรับปรุงและประเมินอีกครั้งเมื่อครบ 1 ปี
