เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 21 พ.ย. ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีนายชัยณรงค์ อนุกูล น้องชายของนายธวัชชัย อนุกูล อดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดพังงา สาขาท้ายเมือง ผู้ต้องหาใช้ถุงเท้าผูกคอเสียชีวิตที่อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนกระทรวงยุติธรรม หลังไม่ได้รับความเป็นธรรม ว่า อย่าลืมว่าคดีนี้มันอยู่ในกระบวนการยุติธรรม หน่วยงานที่รับผิดชอบในคดีนี้คือ สน.ทุ่งสองห้อง เขากำลังสอบเพื่อเป็นประเด็นและนำไปสู่ในกระบวนการยุติธรรม ส่วนผลการพิสูจน์ของคณะกรรมการกลางที่กระทรวงยุติธรรมได้ตั้งขึ้นมานั้น เป็นเรื่องเดียวกัน ถ้าไปเปิดเผยมันก็จะไปสะท้อนสิ่งที่ไม่ดีอยู่สองอย่าง 1.ถ้าคุณเปิดเผยและไปตรงกับที่ตำรวจสอบสวน ก็อาจจะมองว่าเป็นการชี้นำ และ 2.ถ้าไม่ตรงมันก็เกิดความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานในกระทรวงยุติธรรม ซึ่งประกอบด้วยนักวิชาการที่นำมาจากสถานที่อื่น และใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการตรวจสอบเช่นเดียวกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ที่ดำเนินการอยู่
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวต่อว่า ตนจึงบอกว่าไม่มีใครอยู่ในเหตุการณ์นั้นเลย นอกจากผู้ต้องสงสัย 2-3 ราย ล้วนแล้วแต่ใช้ระบบนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งมันเป็นเรื่องเดียวกัน หากคุณไปเปิดก็จะเกิดปัญหาแน่นอน แต่หลักฐานตรงนี้เราก็ได้ถามไปยัง ตร. แล้วว่าต้องการหลักฐานตรงนี้หรือไม่ เราก็จะส่งให้ ซึ่งหลักฐานตรงนี้ก็ไม่มีใครแก้ไขได้ ตนก็แก้ไม่ได้ เพราะเขามีการเซ็นรับรองให้แล้ว ดังนั้น วันหนึ่งคุณก็จะได้รู้ มันต้องระมัดระวังการก้าวก่ายหน้าที่ ซึ่ง ตร.เขาก็ทำถูกต้องเพราะเขาเป็นหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม เราเป็นแค่หน่วยตรวจสอบให้รับรู้ว่ากำลังพลเราไปทำอะไร และทำให้สังคมเห็นว่าเราเอาหน่วยงานอื่นมาร่วมตรวจสอบเพื่อแสดงความจริงใจ
“ถ้าถามว่าทำไมไม่เรียกมาให้ดูเหตุการณ์ และคุณมั่นใจได้อย่างไรว่าญาติจะไม่นำไปเปิดเผย ผมเรียนทางสื่อหลายครั้งแล้วให้เข้าใจความรอบคอบตรงนี้สักนิด ไม่มีอะไรปิดบัง เขาเซ็นรับรองกันไปหมดแล้ว คุณจะไปแก้อะไรไม่ได้หรอก เพราะนักวิชาการ นักนิติวิทยาศาสตร์จากโรงพยาบาล 4-5 แห่งที่มีเชื่อเสียง เขาไม่ยอมหรอก ขอให้มั่นใจอะไรที่เขียนอยู่ในนั้นมันถูกเขียนโดยคณะกรรมการ เพราะมันไม่ได้ตรวจสอบโดยกระทรวงยุติธรรม วันหนึ่งคุณก็จะรู้” พล.อ.ไพบูลย์กล่าว
