“พิชัย”ยก 6 ข้อ รัฐประหารทำเศรษฐกิจประเทศเสียหาย แนะเร่งคืนปชต.

“พิชัย” ชี้รัฐประหารทำเศรษฐกิจประเทศเสียหายอย่างมาก

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่าเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ขยายตัวได้เพียง 3.2% เท่านั้น ทั้งที่สภาพัฒน์พยายามจะเบ่งตัวเลข ถึงขนาดได้เปลี่ยนคนรับผิดชอบแต่ก็ได้เท่านี้ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจปีนี้จะโตได้ไม่ถึง 3.5% ตามที่ นาย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ออกมายืนยันก่อนหน้านี้ ซึ่งรัฐบาลเองก็ไม่ควรจะดีใจกับตัวเลข 3% กว่า เพราะถ้าโตได้เท่านี้ไปเรื่อยๆ ประเทศไทยจะไม่มีทางก้าวพ้นจากประเทศรายได้ปานกลางได้เลย ขนาดฟิลิปปินส์ยังโต 7.1% ในไตรมาส 3 นี้ ทั้งนี้การที่นายสมคิด บอกว่าประเทศไทยกำลังปรับฐาน ก็อยากให้นายสมคิด ได้แยกให้ออกระหว่างการปรับฐานกับฐานเสื่อมหรือฐานทรุด เพราะการปรับฐานหมายถึงประเทศจะก้าวหน้าไปต่อจากฐานใหม่ แต่ในปัจจุบันยังไม่เห็นจะเกิดฐานใหม่หรือว่าจะมีเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจตัวไหนที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวต่อไปได้เลย ทั้งการลงทุนที่หดหายไปเกือบหมด ยอดการขอบีโอไอก็มีแต่ตัวเลขแต่ไม่มีการลงทุนจริง การส่งออกทั้งปีก็ยังคงติดลบ นักท่องเที่ยวปลายปีก็ลดลงมาก รายได้ประชาชนก็ลดลงถ้วนหน้า จึงอยากให้นายสมคิดไปทบทวนสิ่งที่ได้พูดไว้เองเรื่องเสาหลักเศรษฐกิจที่เสื่อมว่าได้พัฒนาแก้ไขอะไรไปบ้าง เหตุใดถึงยิ่งแย่กว่าเดิมมาก

นายพิชัยกล่าวว่า ที่ออกมากล่าวเช่นนี้ ไม่ได้เป็นการโจมตึแต่อยากให้ข้อมูลในเชิงวิชาการว่าการรัฐประหารได้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจแก่ประเทศอย่างมาก โดยมีผลกระทบดังนี้
1) การลงทุนภาคเอกชน ตลอด 2 ปี ทั้งจากนักลงทุนต่างประเทศและนักลงทุนในประเทศ หายไปเกือบหมด ซึ่งปกติจะมีประมาณ 2 ล้านล้านบาทต่อปี
2) การส่งออกทรุดลงตลอด 19 เดือน พึ่งมาฟื้น 2 เดือนหลัง ตำ่ที่สุดในรอบ 6 ปี สาเหตุหนึ่งมาจากการไม่สามารถเจรจาการค้ากับประเทศต่างๆได้ เพราะเงื่อนไขที่ประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย
3) นักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและมีฐานะดี จะไม่เดินทางมาประเทศที่ไม่เป็นประชาธิปไตย อีกทั้งการจัดสัมมนาของบริษัทข้ามชาติใหญ่ๆทั่วโลกก็ไม่มาจัดเช่นกัน ซึ่งรายได้เข้าประเทศจากนักท่องเที่ยวระดับนี้ที่มีการจับจ่ายใช้สอยสูงได้หายไป
4) ความสามารถแข่งขันของประเทศลดลง 2 ปีติดกัน จากการจัดอันดับของ WEF เหตุผลหลักมาจากการทำรัฐประหาร
5) การที่เศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าศักยภาพมาก ตามที่ ไอเอ็มเอฟ และ เวิร์ลแบงค์บอกไว้ และ รมว. คลังเองก็ยอมรับ ซึ่งสาเหตุใหญ่มาจากความไม่เป็นประชาธิปไตย
6) รายได้ของประชาชนหดหาย โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย เช่น เกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน คนหาเช้ากินค่ำ แม้กระทั่งคนชั้นกลาง ตั้งแต่มีการทำรัฐประหาร
ทำให้การบริโภคภายในประเทศลดลง

นายพิชัยกล่าวว่า เมื่อรายได้ของประเทศเหล่านี้หายไปจากระบบเศรษฐกิจ จะทำให้ตัวคูณทางเศรษฐกิจซ้ำเติมทำเศรษฐกิจหดหายไปเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ประชาชนทั้งประเทศได้รับผลกระทบ ไม่อยากให้คิดว่าเป็นการโจมตีแต่เป็นการให้ข้อมูลที่แท้จริงที่ได้เคยเตือนไว้นานก่อนหน้านี้หลายครั้ง ซึ่งหากรัฐบาลและนายสมคิดไม่เห็นด้วยก็สามารถนำเหตุผลมาหักล้างได้ และตนยินดีไปร่วมชี้แจงในเวทีไหนก็ได้ เพื่ออยากให้ประเทศไทยก้าวหน้าต่อไปได้ ไม่ใช่อยู่แบบซึมๆกันต่อไปแบบนี้ จนประเทศไทยล้าหลังประเทศเพื่อนบ้านหมด โดยอยากให้เร่งกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยเร็ว ประเทศจะได้เริ่มเดินหน้าได้ แล้วที่ขอบีโอไอกันไว้จะได้เริ่มลงทุนกันจริงเสียที ซึ่งคงต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูประเทศจากความเสียหายนี้อีกหลายปี

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image