เรียกว่าเป็นโอกาสสุดท้ายของคนไทย ที่จะได้รับชมภาพถ่ายโบราณและศิลปวัตถุร่วมสมัย ในนิทรรศการ “สยาม ผ่านมุมกล้องจอห์น ทอมสัน พ.ศ.2408-2409” ซึ่ง ม.ร.ว.นริศรา จักรพงษ์ ประธานคณะกรรมการจัดนิทรรศการและภัณฑารักษ์ได้นำภาพอันล้ำค่ากว่า 60 ภาพภายใต้การสนับสนุนจากสถาบันเวลคัมแห่งกรุงลอนดอนมาให้ได้ชม ผ่านการบรรยายของ ไพศาลย์ เปี่ยมเมตตาวัฒน์ ภัณฑารักษ์ ร่วมด้วย เอกรินทร์ เปรี่ยนไทย นักสะสม เจ้าของศิลปวัตถุที่นำจัดแสดง เล่าถึงรายละเอียดของศิลปวัตถุโบราณ สมัยรัชกาลที่ 4-5 ที่ปรากฏในภาพถ่าย ณ ห้องอาร์ซีบี แกลเลอเรีย ชั้น 2 ศูนย์การค้าริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก
ม.ร.ว.นริศรา จักรพงษ์ ประธานคณะกรรมการจัดนิทรรศการและภัณฑารักษ์ของงาน และ CEO ของสำนักพิมพ์ริเวอร์บุ๊คส์ เล่าว่า ภาพถ่ายในนิทรรศการครั้งนี้บันทึกโดย จอห์น ทอมสัน (John Thomson) ช่างภาพชาวสกอตแลนด์ ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยในช่วง พ.ศ.2408-2409 โดยจอห์น ทอมสัน เป็นช่างภาพชาวต่างชาติที่ฉายพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งภาพมีขนาดจะนำไปตีพิมพ์ต่อได้ งานแสดงภาพสยามโบราณรวม 60 ภาพครั้งนี้ ประกอบด้วยภาพถ่ายที่เกี่ยวกับประเทศไทย 43 ภาพ, ภาพนครวัด ประเทศกัมพูชา 6 ภาพ และภาพเมืองชายฝั่งประเทศจีนและฮ่องกง 11 ภาพ หลังงานแสดงครั้งนี้ ภาพถ่ายทั้งหมดจะถูกส่งคืนเจ้าของลิขสิทธิ์ สถาบันเวลคัม กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ทันที
“การจัดงานครั้งนี้มีความน่าสนใจอีกข้อคือที่ “ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก” นี้อยู่ตรงข้ามกับบ้านที่นายจอห์น ทอมสัน พำนักอยู่เมื่อครั้งมาที่สยาม หรือสำนักงานเขตคลองสานในปัจจุบัน เปรียบได้กับจอห์น ทอมสัน และผลงานของเขาได้กลับมาอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับสถานที่ที่เขาพำนักอีกครั้ง ถึงแม้ว่าจอห์น ทอมสัน จะไม่ใช่ช่างภาพคนแรกที่ได้เข้าไปถ่ายในพระราชสำนัก แต่ภาพของเขาสามารถนำมาตีพิมพ์ซ้ำได้ และเขายังเป็นคนที่โฆษณาตัวเองได้เก่งมากด้วย เพราะหลังจากที่เขากลับไปอังกฤษแล้ว เขาได้นำเรื่องราวของเมืองสยามไปตีพิมพ์ลงนิตยสารและหนังสือพิมพ์มากมาย เพราะฉะนั้นความโด่งดังของไทยสมัยนั้น พระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 4 ที่ถูกส่งต่อไปถึงมือกษัตริย์ของอังกฤษและประธานาธิบดีในสมัยนั้น ก็มาจากฝีมือจอห์น ทอมสัน เขาจึงเป็นสื่อกลางที่สร้างความเข้าใจในเมืองสยามว่าเป็นเมืองศิวิไลซ์ ดังจะเห็นจากภาพที่จัดแสดงในนิทรรศการนี้” ม.ร.ว.นริศรากล่าว
ทางด้าน ไพศาลย์ เปี่ยมเมตตาวัฒน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท สำนักพิมพ์ริเวอร์บุ๊คส์ จำกัด ในฐานะภัณฑารักษ์ร่วม ผู้ทำหน้าที่ “อ่าน” ผลงานภาพถ่ายชุดนี้กล่าวว่า ภาพที่สำคัญที่สุดและหาชมได้ยากยิ่งในนิทรรศการนี้ คือ พระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 4 หลายภาพที่ยังมีความคมชัดมาก แม้จะผ่านกาลเวลามาแล้วกว่า 150 ปี นับเป็นภาพที่สำคัญมาก เพราะพระองค์โปรดให้จอห์น ทอมสัน เข้าเฝ้าฯ เพื่อฉายภาพของพระองค์โดยเฉพาะในพระบรมมหาราชวัง อีกภาพหนึ่งคือ พระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ และยังไม่ได้เข้าสู่พระราชพิธีโสกันต์ (โกนจุก) นอกจากนี้ ยังมีภาพพาโนรามาของสยาม ที่ถ่ายจากปรางค์วัดอรุณฯ ให้เห็นทิวทัศน์ของแม่น้ำเจ้าพระยา ก็เป็นภาพสำคัญที่สุดของจอห์น ทอมสัน ที่ต้องใช้ภาพถ่ายถึง 3 ภาพมาต่อกัน”
นอกจากนี้ ยังมีภาพของในหลวงรัชกาลที่ 4 ทรงฉลองพระองค์ชุดครุยทองคำตามโบราณราชประเพณี ชุดโจงกระเบนคาดเข็มขัดทองคำ ประทับบนพระที่นั่ง ตั้งเครื่องประกอบพระอิสริยยศ เป็นภาพที่เคยจัดแสดงในงานเอ็กซ์โป ณ กรุงปารีส เมื่อกว่า 100 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งภาพพระอัจฉริยภาพของรัชกาลที่ 4 ในยุคที่ชาติตะวันตกมีการล่าอาณานิคม พระองค์ทรงหาแนวทางแสดงให้ชาติตะวันตกเห็นถึงความศิวิไลซ์ในการฉลองพระองค์ฉายพระรูปในชุดจอมพลฝรั่ง ภาพของรัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งทรงพระเยาว์จำนวน 2 ภาพ ภาพสมเด็จเจ้าฟ้ามหามาลา ต้นราชสกุลมาลากุล ภาพเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ เจ้านายน้อย และนางกำนัลทาสหญิง ที่ทำให้เห็นถึงชนชั้นวรรณะ ระบบเจ้าขุนมูลนาย และระบบทาสในสมัยนั้น ภาพวิวทิวทัศน์วัดวาอาราม บ้านเมืองริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งพระนครและธนบุรี ภาพเหล่านี้แสดงให้เห็นทั้งขนบธรรมเนียมในวัง รวมถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านในยุคนั้น และยังมีภาพสถานที่ต่างๆ ของกัมพูชาและเมืองชายฝั่งของประเทศจีนจากฝีมือของจอห์น ทอมสัน อีกด้วย
เอกรินทร์ เปรี่ยนไทย นักสะสม เจ้าของศิลปวัตถุที่นำจัดแสดง กล่าวว่า เนื่องจากสมัยก่อนจะไม่มีเครื่องราชอิสริยยศ เพิ่งจะมีในสมัยรัชกาลที่ 5 ใช้เพื่อประกอบยศ ฐานะ และตำแหน่ง เช่น ชั้นเจ้านาย ใช้เครื่องอุปโภคที่ทำมาจากทองคำ ทองคำลงยา ทำโดยฝีมือช่างสิบหมู่จะมีความวิจิตรสวยงาม, ชั้นเจ้าพระยา ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ใช้เครื่องอุปโภคเครื่องเงินถมทอง และชั้นที่ลดหลั่นลงมาจะเป็นเครื่องเงิน ในสมัยนั้นของบางชิ้น เช่น เครื่องกระเบื้องกังไส จะสั่งทำในเมืองจีนเพราะเป็นประเทศที่มีผลิตเครื่องกระเบื้องดีที่สุดในโลก ของพวกนี้จึงมีราคา คนที่จะใช้ได้จะต้องมีฐานะ สมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ตอนต้นคนที่จะใช้เครื่องกระเบื้องจากจีนจะมีแต่ในราชสำนักเท่านั้น และในช่วงต้นรัชกาลที่ 4 ถึงปลายรัชกาลที่ 5 ก็เริ่มมีการใช้อย่างแพร่หลายยิ่งขึ้น ไทยเราเองจึงมีการสั่งเครื่องกระเบื้องเหล่านี้มาใช้ในหมู่คหบดี เจ้าสัวที่มีฐานะ ลักษณะของเครื่องอุปโภคโบราณจึงเป็นสิ่งที่บ่งบอกสถานะทางสังคม รสนิยม และฐานะของผู้ครอบครองของคนไทยในสมัยก่อนได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับสมัยนี้ที่คนนิยมใช้ของแบรนด์เนมเพื่อบอกสถานะของตน”
นิทรรศการภาพถ่ายโบราณและศิลปวัตถุร่วมสมัย “สยาม ผ่านมุมกล้องจอห์น ทอมสัน พ.ศ.2408-2409 “ ระหว่างวันนี้ ถึง 15 มกราคม 2560 ณ ห้องอาร์ซีบี แกลเลอเรีย ชั้น 2 ศูนย์การค้าริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก ค่าเข้าชม 50 บาท สามารถติดตามรายละเอียดกิจกรรมต่างๆ ได้ทางเฟซบุ๊กเพจ River City Bangkok หรือ www.rivercitybangkok.com