‘เอ็มจี มีเดีย ทัวร์’แดนมังกร สู่ความท้าทาย ‘GS เทอร์โบ’

เป็นอีกประสบการณ์กับการขับรถค่ายเอ็มจี (MG) ยนตรกรรมสายพันธุ์อังกฤษ ที่มีบริษัท เซี่ยงไฮ้ ออโตโมทีฟ อินดัสทรี คอร์ปอเรชั่น (เอสเอไอซี) หรือ SAIC กลุ่มบริษัทรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน เป็นเจ้าของการผลิต ล่าสุด ยังจับมือกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ก่อตั้งบริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อผลิตรถยนต์ เอ็มจี ในประเทศไทย

ประสบการณ์ที่ว่าคือ การได้ร่วมทริปที่ทาง SAIC เชิญสื่อมวลชนจากไทย ชิลี ดูไบ ร่วมสัมผัสประสบการณ์เปิดโลกเอ็มจี “เอ็มจี แพสชั่น ไดรฟ์ โกลบอล มีเดีย ทัวร์” (MG PASSION DRIVE GLOBAL MEDIA TOUR) ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 18-21 พฤศจิกายน 2559 โดยมี “คุณตุ้ม-พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์” รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด พาคณะสื่อมวลชนไทยยลโฉมรถเอ็มจีรุ่นใหม่ล่าสุด อย่าง “เอ็มจี ซีเอส (MG ZS)” เปิดตัวครั้งแรกในงานแสดงรถยนต์ “กว่างโจว อินเตอร์เนชั่นแนล ออโต้โชว์ หรือ ออโต้ กว่างโจว 2016”

ครั้งแรกที่เห็นยอมรับเลยว่า เป็นรถอเนกประสงค์ขนาดเล็กสวยสะดุดตาเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ ด้วยรูปลักษณ์โดดเด่นทั้งภายนอกและภายใน มี 3 สีให้เลือก สีแดง น้ำเงิน และขาว ขณะที่เครื่องยนต์เป็นเครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่ เทคโนโลยี เน็ตบลู (NET BLUE) มี 2 ขนาด ทั้งเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เทอร์โบ (125 แรงม้า) และ 1.5 ลิตร เทอร์โบ (168 แรงม้า)

ส่วนตัวชื่นชอบกับฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวก อย่างระบบปฏิบัติการ YunOS เป็นระบบอินเตอร์เน็ตแพลตฟอร์มสมบูรณ์แบบ เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ในยุค “อินเตอร์เน็ต ออฟ ธิงส์” (Internet of Things) สามารถสั่งการและดำเนินธุรกรรมต่างๆ ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต และระบบอี-คอมเมิร์ซต่างๆ จากตัวรถ

Advertisement

แน่นอนว่า รถเอ็มจี ซีเอส จะเปิดขายในจีนแห่งแรกช่วงปี 2560 จากนั้นจะพัฒนาเป็นพวงมาลัยขวา เพื่อเปิดจำหน่ายในประเทศอื่นๆ รวมทั้งประเทศไทย รวมทั้งรถกระบะ แม็กซัส (Maxus) T60 รถรุ่นใหม่ที่อยู่ระหว่างพิจารณาเข้าไทย แต่เมื่อไรคงต้องรอลุ้นกัน!!

เปิดตัวMG ZS

ไฮไลต์ของทริปนี้ประทับใจสุดสุด คือวันที่สอง กับโอกาสทดลองขับรถเอ็มจีรุ่นต่างๆ ในสนามทดสอบกว่างเต๋อ อยู่ที่มณฑลอันฮุย ห่างจากนครเซี่ยงไฮ้ไปทางตะวันตกราว 220 กิโลเมตร ครั้งแรกที่เห็นถึงกับสตั้นไป 3 วินาที เพราะเป็นสนามทดสอบรถที่ใหญ่มากจริงๆ ได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ที่ดูแลว่าใหญ่ที่สุดในโลก กว้างถึง 5.67 ตารางกิโลเมตร ความยาวรวมของถนนทดสอบรวมกันกว่า 60 กิโลเมตร พร้อมด้วยการจำลองสภาพพื้นผิวถนนในลักษณะต่างๆ กว่า 70 รูปแบบ ก่อนทดลองขับรถพวงมาลัยซ้าย ขณะที่บ้านเราเป็นพวงมาลัยขวา

Advertisement

การทดสอบ 4 สนาม แบ่งออกเป็น 4 ทีม เริ่มจาก “สนามแรก” ทดสอบรถ ROEWE 360 รุ่น 1.4 ลิตร เทอร์โบ และ รุ่น 1.5 ลิตร เทอร์โบ เป็นการทดสอบระบบ ฮิล สตาร์ต แอสสิสท์ (Hill Start Assist) บนสะพานขับทดสอบทางลาดชันสูง (Hill Test Facility) ความยาว 1.2 กิโลเมตร แม้ว่าเป็นพวงมาลัยซ้ายแต่ก็ไม่ยากอะไร สนามนี้จะให้ผู้ขับขับด้วยความเร็วอย่างต่ำ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อไต่ระดับขึ้นสะพานความลาดชันสูง จากนั้นจะมีจุดให้หยุดรอเกือบกลางสะพาน เป็นการทดสอบระบบเบรก อยู่ตัวดีมาก รถไม่มีไหล ไม่ต้องดึงเบรกมือด้วยซ้ำ แม้กระทั่งตอนขับเคลื่อนลงจากสะพานด้วยความเร็ว เมื่อต้องการหยุดรถก็สามารถเบรกได้ทันที

“สนามที่ 2” เป็นการทดสอบนั่งไปกับตัวรถไฮเทค อย่างเอ็มจี ไอจีเอส ทู (MG iGS-II) ออโตโนมัส ไดรฟ์วิ่ง คอนเซ็ปต์ (Autonomous Driving Concept) ระบบขับขี่อัตโนมัติแบบไร้คนขับบนถนนทดสอบความเร็วสูง รูปวงรี (Oval Track)

IGS ไร้คนขับ
IGS ไร้คนขับ

เจ้าหน้าที่ชาวจีนบอกว่า เริ่มต้นจะขับรถปกติก่อน จากนั้นจะเข้าสู่โหมดไร้คนขับแบบอัตโนมัติ เรียกว่าคนขับปล่อยพวงมาลัย และไม่แตะเบรกเลย สนามนี้สนุกตรงรถวิ่งอย่างเร็วบนถนนที่มีความยาวและโค้งมุมเอียง 35 องศา หนำซ้ำยังจำลองเหตุการณ์เหมือนอยู่บนถนนจริง ตรงที่มีรถอีกคันที่มีคนขับปกติขับคู่ขนาน และแซงตัดหน้า ซึ่งทันทีที่ถูกแซง รถ MG iGS-II จะชะลอความเร็ว จากนั้นจึงเร่งด้วยความเร็วอีกครั้ง

 และหากมีรถคันหน้าหยุด รถ MG iGS-II ก็จะกะระยะ และหยุดเพื่อความปลอดภัยด้วย แม้จะเป็นเทคโนโลยีไฮเทค แต่จากการสัมผัส ยังรู้สึกว่าการเบรกระยะประชิด ยังไม่ค่อยนุ่มนวล เพราะหากเป็นคนขับจะค่อยๆ เหยียบเบรก แต่ด้วยระบบจะเหยียบเบรกแรงไปนิด จุดนี้เจ้าหน้าที่บอกว่าอยู่ระหว่างการพัฒนา

“สนามที่ 3” ROEWE RX5 รุ่น 2.0 ลิตร เทอร์โบ และ รุ่น 1.5 ลิตร เทอร์โบ ทดสอบระบบการความคุมและการโดยสาร (Ride & Handling Loop) เรียกว่าทดสอบการเกาะถนน การทรงตัว และการขับผ่านถนนลูกรัง ในระดับความเร็วรถแตกต่างกันไป รถทรงตัวได้ดี สั่นสะเทือนน้อย และภายในตัวรถค่อนข้างเงียบ

MG GS

“สนามสุดท้าย” เป็นรถ MG GS รุ่น 2.0 ลิตร เทอร์โบ ทดสอบระบบความปลอดภัยและการทรงตัวบนลานขับทดสอบแบบไดนามิก (Vehicle Dynamics Test Area) เป็นการขับเคลื่อนผ่านสถานการณ์ฝนตกหนัก พื้นถนนลื่น เริ่มแรกให้ขับผ่านสายฝนในลักษณะคดเคี้ยว และให้เหยียบเบรกในระยะประชิด เบรกทำงานได้ดีแม้พื้นถนนลื่น

นอกจากนี้ ยังได้ทดสอบรถ MG GS 1.5 ลิตร เทอร์โบรุ่นใหม่ เพิ่งเปิดตัวในไทยที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โปในขณะนี้ โดยทดสอบการทรงตัวและระบบความปลอดภัยด้วยการนั่งเป็นผู้โดยสารไปกับอดีตนักแข่งรถมืออาชีพ เพื่อทดสอบสมรรถนะของรถ

บอกตามตรงช่วงแรกกลัวมาก เพราะมีทั้งเลี้ยวโค้ง ขับผ่านสิ่งกีดขวาง หักหลบอย่างกะทันหัน แต่ไม่ว่าจะขับรูปแบบไหน รถทรงตัวดีมาก สมรรถนะเครื่องยนต์ดีทีเดียว แต่พอให้ทดลองขับเอง บอกตามตรงขับไม่ได้เท่าเขา

ทริปนี้ยังมีโอกาสสัมภาษณ์ผู้บริหาร SAIC “มร.แมตต์ เหล่ย” รองผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ เอสเอไอซี มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น บอกว่า รูปแบบรถจะเริ่มเปลี่ยนไป จะเน้นความสะดวกสบายมากขึ้น อย่างอินเตอร์เน็ตคาร์ก็จะมีมากขึ้นด้วย โดยในปี 2020 การซื้อขายสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ตในรถจะมากขึ้น และจะเป็นจุดขายของรถในอนาคต ประกอบกับการออกแบบรถรุ่นใหม่จะได้ทุกกลุ่ม โดยเฉพาะวัยรุ่น

ในส่วนของตลาดในประเทศไทย มีการแข่งขันสูงมาก 95% ถูกตลาดญี่ปุ่นครอง แต่ SAIC ไม่กลัวการแข่งขันอยู่แล้ว เพราะนี่คืออีกทางเลือกให้กับลูกค้า

พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์
พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image