‘อภิสิทธิ์’ คือสิ่งที่ดาราพึงมี?

กรณีที่ นายอิศราชนุวัฒน์ วรรคาวิสันต์ ถูกทำร้ายร่างกายที่ร้านมาลินสกาย จ.เชียงใหม่ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยสาเหตุนั้นว่ากันว่าเป็นเพราะมี ‘การกันห้องน้ำไว้ให้ดาราเข้า’ ซึ่งเรื่องราวของข้อเท็จจริงสุดท้ายจะเป็นอย่างไร คงต้องรอการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

งานนี้แม้เจ้าตัวดาราที่มีชื่อว่าอยู่ในร้านในวันนั้นจะออกมาเคลียร์ตัวเอง รวมถึงฝ่ายเจ้าทุกข์ช่วยเคลียร์ให้ว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุ แต่สิ่งที่ยังคาใจหลายๆ คนก็คือ ทำไมต้องมีการกัน รวมถึงการเป็นดาราต้องได้อภิสิทธิ์เหนือกว่าคนอื่นหรือ

ขณะเดียวกันก็มีการคุยๆ กันว่าเอาเข้าจริง การกันห้องน้ำไว้ให้ดารานั้น เจ้าตัวดารานั้นรู้หรือเปล่าว่าได้รับสิทธิ

“ไม่นะ” แม้จะไม่ได้นัดหมาย แถมคุยกันคนละเวลา แต่ทั้ง มอส-ปฏิภาณ ปฐวีกานต์, มด-ณปภัช วัฒนากมลวุฒิ และ แอน-อลิชา หิรัญพฤกษ์ ตอบคำถามเรื่อง ‘การเป็นดาราต้องได้อภิสิทธิ์เหนือกว่าคนอื่นหรือ’ มาตรงกันเป๊ะ

Advertisement

โดยมดว่าปกตินั้น เวลามีใครเสนออะไรให้ เธอจะไม่ค่อยรับ

“มีความรู้สึกว่า การที่เราเป็นนักร้อง เป็นดารา มันก็แค่อาชีพหนึ่ง”

มด

เวลาไปไหนมาไหน ไม่ว่าจะเป็นการไปแบบส่วนตัว หรือไปงาน จึงรู้สึกว่า “เราควรได้รับการดูแล การปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ใช่ว่าเป็นดาราแล้ว ต้องได้อภิสิทธิ์สูงกว่าคนอื่น”

ดังนั้นถ้าไปไหน แล้วเจ้าของร้านให้สิทธิเหนือใคร “เราจะขอบคุณ แต่สุดท้ายก็บอกว่าขอจ่ายตังค์นะ”

ส่วนเรื่องปิดห้องน้ำไว้ให้ “ไม่ๆๆๆๆ” ปฏิเสธมาแบบรัวๆ

“ปิดเพื่ออะไร ปิดเพื่อเราทำไม เราก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่หารายได้จากความนิยมของประชาชนเท่านั้น แต่ไม่ใช่ว่าไปไหนคนต้องแหวกทางให้ มาโอ๋ คุณไม่ใช่พระเจ้า”

หากขณะเดียวกันเรื่องอภิสิทธิ์นั้น บางทีมดว่าแม้คนเป็นดาราจะไม่เรียกร้อง หนำซ้ำก็ทำตัวเหมือนคนอื่นทั่วไป แต่ก็ไม่วายถูกมองอย่างนั้น ซึ่งคงทำอะไรไม่ได้ นอกจากทำใจ

ด้านแอนบอกว่า อภิสิทธิ์ที่เธอเคยได้รับ คือเวลาไปซื้ออะไรแล้วได้ของแถมมาเล็กๆ น้อยๆ

“ทุกวันนี้อยากไปไหน อยากซื้ออะไรยังไปต่อแถวอยู่เลย ไม่เคยได้อภิสิทธิ์อะไรขนาดนั้น เพียงแต่ว่าการที่เขารู้จักเรา ก็เหมือนว่าคุยง่ายหน่อย”

เรื่องไปเที่ยวแล้วเรียกร้องโซนพิเศษ แอนบอกตามตรงว่ามีบ้าง แต่ก็คงเหมือนคนอื่นทั่วไป ที่ถ้าวันไหนอยากนั่งในมุมสงบก็จะขอให้ช่วยหา ซึ่งไม่น่าแปลกใช่ไหม

แด

อย่างไรก็ดียอมรับว่าเวลาทำงาน หรือไปถ่ายละคร บางครั้งก็มีคนดูแลถึงขั้นพอจะใส่รองเท้าก็มีคนใส่ให้ ซึ่ง “บางทีมันก็เว่อร์ไป เราทำเองได้ เราก็ทำ”

ขณะที่มอสว่า ถ้าจะพูดชัด สำหรับเขาแยกเรื่องการดูแลออกเป็น 2 อย่าง คือ ที่ได้จากคนสนิท กับจากคนที่ไม่รู้จัก

“มีนะที่ได้รับจากเจ้าของสถานที่ ทั้งร้านอาหาร หรือตามที่ต่างๆ แต่ที่เราได้ก็เพราะเรารู้จัก เป็นเพื่อน หรือสนิทส่วนตัว”

“แต่ร้านที่คนเยอะๆ แล้วไม่ได้รู้จักหรือสนิท เขาก็ไม่ได้มีเวลามาดูแล และเราก็ไม่ได้เรียกร้อง ก็ตามปกติเลย”

เรื่องการจัดโซนที่นั่งให้  การหาการ์ดมาดูแล รวมไปถึงเรื่องห้องน้ำ  “ในสิ่งที่ผมสัมผัสมาก็จะมีนะครับ” แต่นั่นมักมากับการทำงาน

“หมายถึงเวลาไปงานที่ไหนก็มีการ์ดดูแล แล้วก็มีการตัดพื้นที่โซนส่วนตัวให้อยู่แล้ว”

ที่มอสไม่ได้ให้รายละเอียด แต่ที่คนในวงการรู้กัน เพื่อให้คนดังเหล่านั้นมีความเป็นส่วนตัวจากกลุ่มแฟนคลับที่มักมาห้อมล้อม ซึ่งคงไม่มีใครปฏิเสธว่านี่คือเรื่องจำเป็น

อย่างไรก็ดี ในกรณีที่ไม่เกี่ยวกับงาน ก็เป็นคนละเรื่อง

ซึ่งในกรณีนั้น “ผมไม่ได้คาดหวังว่าจะมีคนมาดูแล หรือจะมีสิทธิพิเศษอะไร ไม่ได้เรียกร้องเลยว่าไปไหนแล้วต้องการแบบนี้”

แต่บางเรื่องถ้ามีการเสนอให้อะไรเล็กๆ น้อยๆ

“ผมมองว่าเป็นน้ำใจจากเขา ก็ไม่อยากให้เสียน้ำใจ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องของการให้ชิมนั่นนี่เล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าเป็นเมนูจานใหญ่ก็ไม่กล้ารับ”

ห

มอสยังบอกหลักของการเลือกรับน้ำใจของเขาด้วยว่า

“ต้องดูว่าเจตนาทุกอย่างเป็นอย่างไร ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นมันมีผลกระทบต่อคนอื่น ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ผมว่าไม่ควร”

“แต่การที่เขาอาจจะรู้จักกัน หรือดาราคนนั้นเป็นขาประจำ หรือเคยไปร้องเพลงให้ การที่เขาดูแลก็เป็นเรื่องปกติที่ทำกันมา”

“แล้วถ้าถึงขั้นคนมานั่งรอ หิวข้าว แล้วทางร้านไม่ให้ใครกิน ลัดคิวมาให้เรา อันนี้ผมไม่รับเลยนะ จะบอกเลยว่าไม่เอาครับ ตามคิวดีกว่า ใครมาก่อนมาหลัง”

“เราและใครหลายคนต้องดูด้วยว่าน้ำใจอันนี้มันมากไป อันไหนมันพอดี หรือว่าไม่พอดี”

ส่วนเรื่องที่เป็นไปได้ไหมว่า ในบางครั้งเจ้าตัวดาราอาจไม่รู้ว่า ตัวเองได้รับอภิสิทธิ์ดังว่า

บอกเลย ไม่ได้ถามมา เพราะคงไม่มีใครตอบแทนใครได้ จึงต้องฟังเอาจากแต่ละคน ในแต่ละกรณี

 

 

 

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image