เงินบาทอยู่ในกรอบแคบ กสิกรไทยแนะสัปดาห์หน้าจับตา”ปัจจัยตปท.”

แฟ้มภาพ

“เงินบาทอยู่ในกรอบแคบ ขณะที่ ดัชนีหุ้นไทยทรงตัวเมื่อเทียบกับระดับสัปดาห์ก่อน”

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยสรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทว่า เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยเงินบาทขยับแข็งค่าช่วงสั้นๆ ต้นสัปดาห์ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ เพื่อปรับโพสิชั่นของนักลงทุน อย่างไรก็ดี เงินบาทกลับมาอ่อนค่าทดสอบ 35.75 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงต่อมา หลังจากเงินดอลลาร์ฯ ได้รับแรงหนุนบางส่วนจากมติการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของโอเปกที่หนุนให้การคาดการณ์เงินเฟ้อและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ขยับขึ้น ขณะที่ ว่าที่ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ของสหรัฐฯ ก็ไม่แสดงความกังวลต่อการแข็งค่าของดอลลาร์ฯ ในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี แรงหนุนเงินดอลลารฯ ยังค่อนข้างจำกัด เนื่องจากนักลงทุนต้องการรอดูการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ

สำหรับในวันศุกร์ (2 ธ.ค.) เงินบาทอยู่ที่ 35.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 35.67 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ (25 พ.ย.)

เงินบาทสำหรับสัปดาห์ถัดไป (6-9 ธ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 35.50-35.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยตลาดการเงินทั่วโลกน่าจะรอจับตาผลการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญของอิตาลี (4 ธ.ค.) ผลการประชุมนโยบายการเงินของ ECB (8 ธ.ค.) ที่อาจมีวาระการพิจารณาขยายเวลาสำหรับโครงการซื้อพันธบัตร ตัวเลขทบทวนจีดีพีไตรมาส 3/59 ของญี่ปุ่น และข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของจีนในเดือนพ.ย. นอกจากนี้ นักลงทุนอาจรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค. (เบื้องต้น) ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนพ.ย. สต็อกสินค้าภาคค้าส่ง ยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนต.ค.

Advertisement

ส่วนตลาดหุ้นไทย ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวกรอบแคบ แม้โอเปกจะมีมติปรับลดการผลิตน้ำมันของกลุ่มสมาชิก โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,501.66 จุด เพิ่มขึ้น 0.08% จากสัปดาห์ก่อน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 26.92% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 52,056.42 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 586.89 จุด ลดลง 1.41% จากสัปดาห์ก่อน

ตลาดหุ้นไทยทรงตัวในวันจันทร์ หลังนักลงทุนต่างชาติชะลอการขายหุ้นไทยลง ก่อนที่จะปรับลดลงเล็กน้อยในวันอังคาร จากแรงขายทำกำไร หลังคณะรัฐมนตรีเลื่อนการพิจารณามาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายออกไป จากนั้น ตลาดหุ้นปรับเพิ่มขึ้นในช่วงกลางสัปดาห์ จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานก่อนและหลังการประชุมโอเปกซึ่งได้มีการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของประเทศในกลุ่มสมาชิกลง จากนั้น ตลาดปรับลดลงในวันศุกร์ จากความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุม FOMC ในเดือนนี้ที่อาจกระตุ้นการไหลออกของเงินทุน

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (6-9 ธ.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,490 และ 1,475 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,515 และ 1,525 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ตลอดจนสภาวะเงินทุนเคลื่อนย้ายในตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะ จีน ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคบริการ ข้อมูลการค้าสหรัฐฯ และความเชื่อมั่นผู้บริโภค ส่วนปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ PMI ของประเทศในยูโรโซน จีดีพีไตรมาส 3/59 ของญี่ปุ่น และข้อมูลการค้าของจีน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image