ที่มา | หนังสือพิมพ์มติชน หน้า18 |
---|---|
เผยแพร่ |
น้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในพระอัจฉริยภาพและพระราชจริยวัตรด้านดนตรี มูลนิธิคีตรัตน์ จึงร่วมกับศูนย์การค้าดิเอ็มควอเทียร์ จัดงาน “คีตรัตน์บรมราชานุสรณ์ ธ สถิตกลางใจราษฎร์นิรันดร์” ซึ่งมี เรืออากาศตรี ศ. (พิเศษ) ดร.แมนรัตน์ ศรีกรานนท์ ศิลปินแห่งชาติ, รศ.ดร.ภาธร ศรีกรานนท์ ซึ่งทั้งคู่เป็นหนึ่งในสมาชิกวงดนตรี อ.ส.วันศุกร์ ที่มาเข้าร่วม ณ ควอเทียร์แกลเลอรี่ ชั้นเอ็ม ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์
ภายในงานได้เปิดเวทีให้ รศ.ภาธร ศรีกรานนท์ ซึ่งเป็นบุตรของเรืออากาศตรี ศ. (พิเศษ) ดร.แมนรัตน์ เล่าถึงเหตุการณ์และความประทับใจครั้งที่ได้ถวายงานด้านดนตรีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่อายุ 14 ปี หรือเป็นเวลา 29 ปีแล้ว
รศ.ดร.ภาธรเล่าว่า พระองค์ทรงโปรดที่จะทำให้บทเพลงพระราชนิพนธ์มีความถูกต้อง เพื่อให้นักดนตรีสามารถนำไปเล่นได้อย่างถูกต้องตามหลักดนตรี ทำให้ตนนอกจากเป็นนักดนตรีในสมาชิกในวงดนตรี อ.ส.วันศุกร์แล้ว ยังเป็นผู้ที่ทรงไว้วางพระทัยให้ช่วยปรับแก้ไขโน้ตและคอร์ดบทเพลงพระราชนิพนธ์ทั้งหมด ตามที่มีพระราชปรารภจะสังคายนาบทเพลงพระราชนิพนธ์
“พระองค์ทรงถ่อมพระองค์มาก รับสั่งกับผมว่าที่ให้ทุนการศึกษาไปเรียนทางดนตรี ก็เพื่อจะได้รู้ทฤษฎี เพราะทรงไม่ได้เรียนด้านนี้มา ทำให้ทรงไว้วางพระราชหฤทัยให้ผมดูบทเพลงพระราชนิพนธ์ว่า โน้ตและคอร์ดถูกตามหลักดนตรีไหม ซึ่งเท่าที่ดูทุกบทเพลงพระราชนิพนธ์ แม้โน้ตและคอร์ดอาจไม่ได้ถูกทั้งหมด แต่ภาพรวมก็เข้ากันดี”
กว่าจะมาเป็นบทเพลงพระราชนิพนธ์หนึ่งบทเพลงนั้น
รศ.ดร.ภาธรเล่าว่า บทเพลงพระราชนิพนธ์ของพระองค์จะมีโลกเป็นของตัวเอง มีความซับซ้อน อย่างเวลาจะพระราชนิพนธ์หนึ่งบทเพลง จะทรงนึกถึงว่าจะพระราชนิพนธ์เพื่อใคร ใช้สำเนียงแบบไหน ส่วนดนตรีก็จะทรงจินตนาการขึ้นมาก่อน เมื่อพระราชนิพนธ์แล้ว ก็จะทรงทดลองและเก็บไว้ก่อน อย่างเพลงแสงเทียน ซึ่งเป็นบทเพลงพระราชนิพนธ์แรกของพระองค์ ตั้งแต่ยังดำรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระอนุชาธิราช เพลงนี้ใช้คอร์ดซับซ้อน ทำให้ทรงทดลองและเก็บไว้ ระหว่างนั้นได้พระราชทานเพลงพระราชนิพนธ์อื่นออกมาก่อน ได้แก่ ยามเย็น สายฝน จนเมื่อเผยแพร่เพลงแสงเทียนแล้ว ก็ทรงปรับแก้คอร์ดมาตลอดถึง 4 ครั้งในรอบ 30 ปี อย่างในรอบสุดท้ายทรงให้การบ้านผมกับคุณพ่อ ไปแยกกันคิดปรับแก้คอร์ดและให้พระองค์ทอดพระเนตรเปรียบเทียบแก้ไข แต่ก็ไม่ยังเสร็จดีเพราะต้องเข้ารับถวายการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราชก่อน
ภายในงาน รศ.ดร.ภาธรยังได้นำสำเนาสมุดโน้ตเพลงพระราชนิพนธ์ ที่ทรงมีพระราชวินิจฉัย ในช่วงที่ทรงสังคายนาเพลงพระราชนิพนธ์ พ.ศ.2547-2552 มาจัดแสดง โดย รศ.ดร.ภาธรอธิบายว่า สมุดนี้ได้บันทึกรับสั่งโดยตรงของพระองค์ว่าทรงต้องการอะไร ภายหลังนำคอร์ดที่มีพระวินิจฉัยให้ปรับแก้ไขก่อนหน้านี้ มาทดลองเล่นในวงดนตรี อ.ส.วันศุกร์ ซึ่งตนจดรับสั่งไว้ครบทุกเพลง และได้รวมเล่มเป็นสมุดโน้ตบทเพลงพระราชนิพนธ์ที่ถูกต้อง เพื่อเก็บไว้เป็นสมบัติของชาติต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้จัดแสดงนิทรรศการเครื่องดนตรีพระราชทาน จำนวน 8 ชิ้น ซึ่งมีเรื่องราวน่าสนใจ เช่น เปียโน ซึ่งเป็นเปียโนที่อยู่ในห้องวิทยุ อ.ส.วันศุกร์ ที่พระองค์ทรงเสมอ จนครั้งที่เรืออากาศตรี ศ. (พิเศษ) ดร.แมนรัตน์ ครบรอบวันเกิดปีที่ 72 พระองค์พระราชทานให้, ทรัมเป็ต ซึ่งเป็นทรัมเป็ตที่พระองค์พระราชทานให้ รศ.ดร.ภาธร โดยมีรับสั่งว่า “Benny Carter” ซึ่งเป็นศิลปินไม่กี่คนในโลกที่เล่นได้ทั้งแซกโซโฟนและทรัมเป็ต ส่วนตัวเข้าใจทรงหมายความว่าทรงต้องการให้ตนเล่นได้ทั้งแซกโซโฟนและทรัมเป็ต เหมือนที่พระองค์ก็ทรงเล่นได้เช่นกัน, แซกโซโฟนพลาสติก เป็นแซกโซโฟนประเภทโพลิคาร์บอเนตหนึ่งเดียวในโลก มีน้ำหนักเบาเพียง 300 กรัม จากแซกโซโฟนทั่วไปหนัก 2 กิโลกรัม ทำทูลเกล้าฯถวายในการทรงดนตรีช่วงประทับรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช
สามารถชมเครื่องดนตรีพระราชทาน สำเนาสมุดโน้ตบทเพลงพระราชนิพนธ์ที่ถูกต้อง และเรื่องราวพระอัจฉริยภาพด้านดนตรี ในนิทรรศการ “คีตรัตน์บรมราชานุสรณ์ ธ สถิตกลางใจราษฎร์นิรันดร์” จัดแสดงแล้ววันนี้ถึง 11 ธันวาคม 2559 ณ ควอเทียร์แกลเลอรี่ ชั้นเอ็ม ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์