ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในการประชุมคณะทำงานประชารัฐเพื่อสังคม หลังจากจัดตั้งมาครบ 1 ปีของโครงการประชารัฐ ว่า เพื่อตอบโจทย์พัฒนาประเทศ ต้องพัฒนาทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง จากที่ผ่านมาประเทศไทยเน้นพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งในอดีตตัวเลขเศรษฐกิจโตกว่า10%หลายปีต่อเนื่อง จนละเลยด้านสังคมทำให้เกิดปัญหาการเมืองและสังคมตามมา ดังนั้นรัฐบาลชุดนี้จึงพยายามทำให้ 3 ส่วนไปด้วยกัน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ โดยได้มอบนโยบายในที่ประชุมมีการจัดตั้งกองทุนประชารัฐ โดยลงขันระหว่างภาคเอกชน กองทุนสนับสนุนการสร้างสุขภาพ(สสส.) ซึ่งภาครัฐพร้อมจะสบทบเงินให้ 2 เท่า เพื่อนำใช้ในการดูแลภาคสังคม คนพิการ คนชรา และอื่นๆ
สำหรับข้อจำกัดอื่นๆ อาทิ เรื่องมาตรการด้านภาษีสนับสนุนให้จ้างคนพิการทำงาน เกี่ยวกับการตีความของกรมสรรพากร นั้นรับปากกับเอกชนไปว่าจะเร่งแก้ไขให้ ถ้าอะไรที่อยากให้ช่วยสามารถเสนอผ่านมายัง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์ (พม.) หัวหน้าทีมภาครัฐ คณะทำงานประชารัฐเพื่อสังคม
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์ (พม.) หัวหน้าทีมภาครัฐ คณะทำงานประชารัฐเพื่อสังคม กล่าวว่า คณะทำงานประชารัฐเพื่อสังคม มีการทำงานร่วมกัน 3 ส่วนคือ พม.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ภาคเอกชนนำโดย นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย ที่ผ่านมาหารือร่วมกับหลายครั้ง มีข้อสรุปที่จะดูแลการจ้างงานคนพิการ การจ้างงานผูสูงอายุ ในด้านที่อยู่อาศัย การออมเพื่อความมั่นคงเพื่อรายได้ยามสูงวัน ความปลอดภัยทางท้องถนน
นายไมตรี อินทุสุต ปลัดกระทรวงพม.กล่าวว่า ในส่วนของการจ้างงานคนพิการปี 2560-2561 ตั้งเป้าหมายว่าคนพิการมีงานทำเพิ่มขึ้น 30% หรือประมาณ 1 หมื่นคน ผลักดันให้มีการจ้างงานในส่วนของภาครัฐและเอกชนมากขึ้น นอกจากนี้ยังผลักดันให้มีการจ้างงานผู้สูงอายุเพิ่ม 1% หรือ 3.9 หมื่นคน จากจำนวนผู้สูงอายุที่สามารถทำงานได้ประมาณ 3.9 ล้านคน รวมถึงช่วยซ่อมแซมบ้านผู้สูงอายุ ปรับปรุงสถานที่สาธารณะ สร้างที่พักอาศัย ซึ่งคณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติรองรับสังคมผู้สูงอายุในไปเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน อาทิ มาตรการภาษีสนับสนุนจ้างงานผู้สูงอายุ บูรณาการระบบบำเหน็จบำบาญ สนับสนุนการสร้างบ้านผู้สูงอายุ
นพ.ประเวศ วะสี ที่ปรึกษาคณะทำงานประชารัฐเพื่อสังคม กล่าวว่า ไทยมีทรัพยากรเพื่อการพัฒนามากมายมากว่าสิงคโปร์และสวิสเซอร์แลนด์ ทั้งสังคม ประชาสังคม ศาสนา สามารถนำมาพัฒนาอย่างมหาศาล โดยสิ่งที่ต้องทำ คือ สร้างอาชีพเต็มพื้นที่ ส่งเสริมให้คนไทยไม่ทอดทิ้งกัน ส่งเสริมคุณภาพเด็กและเยาวชน สนับสนุนสังคมที่มีความมั่นคง ปลอดภัย มีบ้านที่อยู่อาศัย รัฐบาลต้องมาช่วยคือการสร้างอาสาสมัคร ทั้งภาคราชการ ธุรกิจ น่าจะมีนโยบายให้ไปเป็นอาสาสมัครเพื่อเป็นเวลา 2 สัปดาห์โดยไม่ถือเป็นวันลา
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า เรื่องการจ้างคนพิการทำงาน มีเป้าหมาย 61,000 คน ในปี 2560 เอกชนต้องจ้างให้ได้ 90% ของจำนวนดังกล่าว ล่าสุดจ้างแล้ว 39,6951 คน ขาดอีกกว่า 16,000 คน เพราะขณะนี้กลุ่มบริษัทใหญ่ อาทิ เครือ ปตท. เครือเซ็นทรัล เครือเอสซีจี เครือเบทาโกร กลุ่มโรงงานน้ำตาล กลุ่มไทยเบฟเวอเรจ กลุ่มคิงส์ เพาเวอร์ กลุ่มเมืองไทยประกันชีวิต และสมาคมธนาคารไทย ต้องการคนพิการไปทำงานเพิ่มกว่า7,000 รายส่วนเรื่องคนชรา เอกชนพร้อมเข้าไปช่วย รวมถึงจัดตั้งกองทุนประชารัฐ ต้องหารือรายละเอียดอีกครั้งถึงหลักการและจำนวนเงิน
