เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า กระทรวงต่างประเทศมาเลเซียแถลงกล่าวหาพม่าว่าเกี่ยวพันกับ”การกวาดล้างทางชาติพันธุ์” ที่มีต่อชาวมุสลิมโรฮีนจา ชนกลุ่มน้อยในประเทศพม่า แถลงการณ์ยังระบุว่า ผู้อพยพชาวโรฮีนจานับหลายแสนคนที่อพยพหลบหนีออกจากพม่ามายังประเทศเพื่อนบ้านในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงชาวโรฮีนจาราว 56,000 คนที่อพยพเข้ามาในประเทศมาเลเซียด้วยนั้น ทำให้เรื่องนี้ไม่ได้เป็นประเด็นปัญหาภายในประเทศของพม่าอีกต่อไป หากแต่เป็นประเด็นระหว่างประเทศ
นับเป็นแถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศมาเลเซียที่ใช้ถ้อยคำรุนแรงผิดปกติในการแสดงท่าทีต่อเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับชนกลุ่มน้อยชาวโรฮีนจาในรัฐยะไข่ ซึ่งกำลังเผชิญกับการถูกกองกำลังฝ่ายความมั่นคงของพม่าปราบปรามอย่างหนัก หลังเกิดเหตุการณ์ที่กลุ่มติดอาวุธสังหารตำรวจพม่าที่ด่านตรวจ 3 จุดในรัฐยะไข่ เสียชีวิตไป 9 นาย เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ท่าทีของทางการมาเลเซียมีขึ้นในขณะที่ช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ คณะของนายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ(ยูเอ็น) เดินทางถึงนอกหมู่บ้านวาปิกของชาวโรฮีนจาในรัฐยะไข่ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการถูกเผา เพื่อดูสถานการณ์ในพื้นที่ขัดแย้งดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ไม่มีผู้สื่อข่าวของสื่อทางการคนใดถูกตำรวจพม่าเข้าขวาง ขณะที่คาดว่าจะยังไม่มีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของนายอันนันจนกว่าจะถึงวันอังคาร(6 ธ.ค.)นี้ หลังจากอดีตเลขาธิการยูเอ็นเสร็จสิ้นภารกิจการลงพื้นที่ในรัฐยะไข่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ดี ในวันเดียวกันมีรายงานว่า กลุ่มพระสงฆ์ชาวพม่าได้เดินทางมาชุมนุมประท้วงอยู่หน้าสถานทูตมาเลเซียในกรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า พร้อมถือป้ายประณามนายนาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยกล่าวหาว่าให้สนับสนุนการข่มเหงรังแกชาวโรฮีนจา
