‘พุทธะอิสระ’ ยกบทสนทนาในอดีตกับ ‘บิ๊กป้อม’ เตือนสติ ปมเขียนกม.ให้พระยุ่งการเมือง

วันนี้ (3 ธ.ค.) พระพุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย และแกนนำ กปปส.เวทีแจ้งวัฒนะ โพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊กแฟนเพจ กรณีมีข่าวการร่างกฎหมายให้พระสามารถยุ่งเกี่ยว หรือมีบทบาททางการเมือง ระบุว่า

“ได้ข่าวว่ารัฐบาลจะออกกฎหมายลูก ให้พระหรือนักบวชเข้ามามีบทบาททางด้านการเมืองได้ตามบทบัญญัติของกฎหมายลูกที่จะเขียนกันขึ้นมา แม้ฉันจะสนใจเรื่องของบ้านเมือง ชอบที่จะวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของนักการเมืองและข้าราชการ ชอบที่จะชี้แนะตักเตือน ให้สติปัญญาต่อการทำตัวทำหน้าที่ของนักการเมืองและข้าราชการ แต่ฉันก็มิได้ชื่นชม ชื่นชอบอำนาจตำแหน่งทางการเมืองซักเท่าไหร่ ดูตัวอย่างเช่นครั้งหนึ่งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เคยมาปรารภกับฉันว่า ตอนที่ผมเป็นผบ.ทบ. หลวงปู่เรียกใช้ผมบ่อยๆ แต่พอผมได้เป็นรัฐมนตรีกลาโหม ทำไมหลวงปู่ไม่เคยเรียกใช้ผมเลย
ฉันตอบพล.อ.ประวิตรไปว่า ก็เพราะคุณมีตำแหน่งทางการเมือง มีอำนาจให้คุณให้โทษแก่คนในแผ่นดินนี้ได้ นิสัยฉันไม่อยากอยู่ใกล้ชิดผู้มีอำนาจ มันรู้สึกอึดอัด และไม่ชอบเอาบารมีของผู้มีอำนาจมาอวดอ้างเบ่งต่อผู้ใด เอาเป็นว่าเวลาที่คุณอยู่ในอำนาจทางการเมือง ฉันไม่มีอะไรจะใช้คุณ แต่ถ้าเมื่อใดคุณเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำงานต่างพระเนตรพระกรรณ ฉันมีเรื่องราวมากมายที่จะแนะนำพูดคุยกับคุณ และเมื่อใดที่คุณเป็นคนธรรมดาไม่มีอำนาจวาสนา เป็นผู้ว่างงานแล้ว ฉันมีงานให้คุณทำเสมอ ฉันพูดขนาดนี้ พล.อ.ประวิตรยังพูดตอบกลับมาว่า ไม่เป็นไรครับ แม้ผมอยู่ในอำนาจ ตำแหน่ง ผมก็ยังเป็นประวิตรคนเดิม อำนาจทางการเมืองที่จริงแล้วผมมิได้ชื่นชอบหรือขวนขวายแสวงหาซักเท่าไหร่ ขนาดตอนนั้นทักษิณเสนอให้ผมเป็นนั่นเป็นนี่ผมยังปฏิเสธไปเลย แต่ที่ผมเข้ามาเป็นรัฐมนตรีกลาโหมในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะผมไม่อยากขัดใจเพื่อน” พุทธะอิสระ ระบุ

และว่า “เหล่านี้คือบทสนทนาที่พล.อ.ประวิตร ที่เข้ามากราบฉันหลังจากเข้ามาเป็นประธานพิธีมอบผ้าไตรแก่นาคที่บวชภาคฤดูร้อนในปี 2555 ที่หยิบยกเอาบทสนทนาเหล่านี้ขึ้นมาก็หามิได้จะอวดอ้างตนเองว่าใกล้ชิดสนิทสนมกับคนระดับบิ๊กของคสช. แต่ต้องการจะชี้ให้เห็นว่า ตอนคุณมีอำนาจยิ่งใหญ่ พุทธะอิสระจะไม่เข้าใกล้ เมื่อใดที่คุณลงจากอำนาจ แล้วพุทธะอิสระจึงเข้าใกล้พูดคุย คนทั้งหลายเขาจักว่าไม่ได้ว่าคุณลำเอียงเลือกข้าง อีกทั้งใครๆ ก็จักมาว่าฉันไม่ได้ว่าอยู่ได้เพราะอาศัยใบบุญผู้มีอำนาจ นี่คือสิ่งที่ฉันกำลังจะบอก ว่าชั่วชีวิตฉันไม่ได้อยากใกล้ชิดผู้มีอำนาจหรือแสวงหาอำนาจ
แม้เมื่อครั้งที่สมเด็จพระสังฆราชยังทรงพระชนม์อยู่ พระองค์ก็เสด็จมาหาฉันเองโดยมิได้นัดหมายถึง 3 ครั้ง แต่ก็ไม่พบ จนสุดท้ายพระองค์ต้องสั่งพระในวัดไว้ว่าจะเสด็จมาอีก ให้ฉันรอพบด้วย
ฉะนั้น การที่สภาปฏิรูปหรือสภาสนช.และรัฐบาลจะเขียนกฎหมายลูก อนุญาตให้พระเข้ามามีบทบาททางการเมืองได้ มันทำให้ฉันรู้สึกหวั่นใจว่าวันข้างหน้าพระธรรมวินัยจะยังคงความบริสุทธิ์บริบูรณ์กันอยู่หรือไม่ สภาพของนักบวชในสังคมจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร มันจะดีมากหรือเสียมาก แล้วจะเป็นคุณกับหลักธรรมคำสอนของพระบรมศาสดามากน้อยขนาดไหน ขนาดไม่มีกฎหมายรับรอง พวกกระสันอำนาจยังวิ่งเข้าไปรับใช้เลียแข้งเลียขานักการเมือง หากมีกฎหมายอนุญาตให้พระเข้าไปมีส่วนร่วมกับการเมืองได้แล้ว ก็ควรจะเขียนกฎหมายสกัดกั้นไม่ให้นักบวชเข้าไปพัวพันกับโลกธรรมทั้ง ๘ คือเครื่องผูกสัตว์ให้ติดข้องอยู่กับโลก อันประกอบด้วย ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ มีสรรเสริญ ถูกนินทา มีสุข ตกทุกข์ เพราะพระบรมศาสดาทรงติเตียนนักบวชที่เข้าไปข้องและพัวพันกับโลกธรรม ว่าเป็นพวกโมฆะบุรุษ โมฆะสตรี ฉันจึงหวังว่าการตรากฎหมายลูกอนุญาตให้พระไปมีส่วนร่วมทางการเมือง จะเขียนด้วยความตระหนักถึงพิษภัยของอำนาจและโลกธรรมให้มากเท่ามาก จะได้หาทางป้องกันเอาไว้แต่เนิ่นๆ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image