ทั้งๆที่ ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์ สุวรรณ ล้วนยืน “กระต่ายขาเดียว”
ยังไม่ถึงเวลา”ปลดล็อก”
นั่นหมายถึงว่า ประกาศและคำสั่งคสช.ห้าม”พรรคการเมือง”ดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2557 ยังดำรงคงอยู่
ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุ วรรณ ล้วนมีความสำคัญ
สำคัญในระดับ “หัวแถว” ของ”คสช.”
แล้วเหตุใดเสียง”เรียกร้อง”จึงยังคงดังจากทั้ง “พรรคเพื่อไทย” และ “พรรคประชาธิปัตย์”อยู่
ตรงนี้แหละทั้ง”สำคัญ”และทั้ง”ท้าทาย”
ตรงนี้แหละคือ “ปัจจัย” อันสะท้อนให้เห็น “ความต้องการ”และการประเมินจาก “นักการเมือง”
ยืนยัน สายลมแห่ง”ฤดูหนาว”เริ่ม”โชย”มาแล้ว
แปลกใจในความหาญกล้าของคนอย่าง นายวัฒนา เมืองสุข หรือไม่
แปลกใจในความหาญกล้าของคนอย่าง นายพิชัย นริพทะพันธุ์ หรือไม่
คนแรกโจมตี”แจกเงิน”ถึงขั้นระบุว่า “สิ้นคิด”
คนหลังวิพากษ์ “มือเศรษฐกิจ”ของคสช.ว่า เพ้อฝัน ไม่มีทางเป็นจริงได้
โดยเฉพาะประเด็นที่ว่าจะแซง”สิงคโปร์”
หากเป็นเมื่อก่อน นายวัฒนา เมืองสุข ต้องถูกเรียกเข้า”ค่าย”เรียบร้อย
เช่นเดียวกับ นายพิชัย นริพทะพันธุ์
แต่การวิพากษ์วิจารณ์ในเดือนธันวาคม กลับแทบไม่มีเสียงเพรียกจาก”ค่ายทหาร”
2 คนนี้ยัง”จ้อ”ได้ ด้วยเสียงอัน”เจื้อยแจ้ว”
เป็นเพราะความเมตตาปราณีจาก “คสช.”และจากบรรดา “แม่ทัพ”ใน กกล.รส.อย่างนั้นหรือ
อาจใช่
แต่ที่เด่นชัดอย่างที่สุดก็คือ “มุมมอง” การประเมินและการวินิจฉัย “ไม่เหมือนเดิม”
ข้อดีก็คือ ยืนยันว่า”มั่นใจ”ใน”เสถียรภาพ”
เป็นเสถียรภาพอันแข็งแกร่งและมั่นคงของ”คสช.”กระทั่งไม่มีความจำเป็นต้องเรียก”เข้าค่าย”แล้ว”ปรับทัศนคติ”
ขณะเดียวกัน นี่คือลักษณะ”ผ่อนปรน”
เชื่อได้เลยว่าเพราะสถานการณ์”ผ่อนปรน”อย่างนี้ถึงจะปลดล็อกหรือไม่ปลดล็อก “นักการเมือง”ก็สามารถ “เคลื่อนไหว”
เคลื่อนไหวในเรื่อง “เศรษฐกิจ” ชีวิตความเป็นอยู่
เคลื่อนไหวในเรื่อง “การเมือง” เรื่อง “ปลดล็อก” พรรคการเมืองเริ่มขยายวง
