สปส.จ่อปรับฐานเงินสมทบใหม่ จาก 750 บาท เป็น 1,000 บาท หวังเพิ่มเงินออมให้ผู้ประกันตน

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ที่โรมแรมรามาการ์เด้นส์ นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวในงานประชุมรับฟังความคิดเห็นการปรับปรุงจำนวนเงินที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบกองทุนประกันสังคม ว่า ในการปรับเพิ่มกรณีผู้ประกันตนมาตรา 33 จากเดิมอัตราขั้นต่ำอยู่ที่ 1,650 บาท และสูงสุดอยู่ที่ 15,000 บาทต่อเดือน เป็นต่ำสุดมี 2 แนวทางคือ 3,600 บาท หรือ 4,500 บาท และสูงสุดเป็น 20,000 บาทต่อเดือน และกรณีมาตรา 39 ซึ่งเดิมใช้ฐานค่าจ้างที่ 4,800 บาทต่อเดือน อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะปรับเพิ่มมาเป็นที่ 7,800 บาท หรือ 6,700 บาทต่อเดือน เป็นการพิจารณาปรับเพิ่มในรอบ 26 ปี ตั้งแต่ที่มีการก่อตั้ง สปส.มา

นพ.สุรเดช กล่าวอีกว่า ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพสังคมในปัจจุบัน โดยเฉพาะกรณีก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยหลักการเพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์และความมั่นคงของชีวิต นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาปรับเพิ่มทุกๆ 5 ปี เบื้องต้นจะมีการออกเป็นกฎกระทรวง เนื่องจากการแก้ พ.ร.บ.ประกันสังคม มีการใช้เวลานาน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทำประชาพิจารณ์ 4 ภาค ผ่านมาแล้ว 2 ครั้ง ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการปรับฐานการคำนวณเงินสมทบใหม่ แต่มีบางส่วนเห็นว่าควรปรับตามสภาพเงินเดือนของแต่ละคน เพราะบางคนเงินเดือนสูงก็อยากให้มีการจ่ายเงินเพิ่มเพื่อเป็นหลักประกันในยามชราภาพ

นายโกวิท สัจจวิเศษ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายประกันสังคม กล่าวว่า ผู้ประกันตนมาตรา 33 นั้น การปรับฐานการคำนวณเก็บเงินสมทบเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็น 20,000 บาท ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะใช้ฐาน 20,000 บาท ในการคำนวณ แต่ยังคิดตามฐานเงินเดือนจริง ส่วนผู้ที่เงินเดือนสูงเกิน 20,000 บาท ก็จะใช้ฐานคำนวณที่ 20,000 บาท ซึ่งการปรับเพิ่มฐานคำนวณสูงสุดจาก 15,000 บาท เป็น 20,000 บาท จะมีผู้ประกันตนและนายจ้างที่ได้รับผลกระทบต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพียง 20% เท่านั้น จากจำนวนผู้ประกันตนทั้งหมด 13 ล้านคน เพราะส่วนใหญ่ฐานเงินเดือนจะไม่เกิน 15,000 บาท ทั้งนี้ การคำนวณเงินสมทบจะคิดอยู่ที่ 5% ของเงินเดือน แต่จะได้รับเงินออมอยู่ที่ 6% ดังนั้น จากเดิมฐานคำนวณสูงสุดคือ 15,000 บาท ต้องจ่ายเงินสมทบที่ 750 บาทต่อเดือน ได้รับเงินออม 900 บาทต่อเดือน เมื่อปรับเป็น 20,000 บาท จะจ่ายเงินสมทบสูงสุดที่ 1,000 บาทต่อเดือน แต่ได้รับเงินออมสูงสุดที่ 1,200 บาทต่อเดือน

“ส่วนผู้ประกันตนมาตรา 39 ยังใช้การคำนวณที่ 9% เช่นเดิม โดยปัจจุบันใช้ฐาน 4,800 บาท จะจ่ายสมทบต่อเดือนที่ 432 บาท หากปรับฐานเป็น 7,800 บาท จะจ่ายเงินสมทบที่ 702 บาทต่อเดือน หากใช้ฐาน 6,700 บาท จะจ่ายเงินสมทบที่ 603 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ การปรับเพิ่มฐานคำนวณยืนยันว่าเพื่อความมั่นคงของผู้ประกันตน เพราะเงินที่เพิ่มขึ้นก็ไปเพิ่มในสิทธิประโยชน์ต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องของเงินออมและเงินชดเชยการขาดรายได้”นายโกวิท กล่าว และว่า สำหรับการคืนสิทธิครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งต้องออกเป็น พ.ร.บ. คาดว่าจะออกได้ภายใน 6 เดือนนี้ เพราะมีไม่กี่มาตรา และขอย้ำว่า ครั้งนี้จะเป็นการคืนสิทธิครั้งสุดท้าย มิเช่นนั้นจะมีการขอคืนสิทธิไม่หยุดหย่อน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image